Page 104 - เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ ครั้งที่ 23
P. 104
การประชุมวิชาการ 10
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่
คุณค่าด้านประโยชน์ใช้สอย นโยบายเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
แนวคิดการบริโภคเชิงสัญญะอธิบายโดยเริ่มจากการกล่าวถึงการบริโภคพื้นฐานที่เน้น
ประโยชน์ใช้สอย ซึ่งหมายถึง การเลือกพรรคการเมืองจากการพิจารณานโยบายที่สร้าง
ประโยชน์แก่ส่วนรวม คุณค่านี้เป็นคุณค่าดั้งเดิมที่พรรคการเมืองต่างก็นำมาใช้กำหนดนโยบาย
ซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่พรรคการเมืองแรกของประเทศไทยได้ถูกจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
ในปี พ.ศ. 2498 ในชื่อพรรคเสรีมนังคศิลา ซึ่งพรรคการเมืองนี้ก็กำหนดนโยบายเพื่อ
ประโยชน์ส่วนรวม เช่น การส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาชาติ การให้ประชาชนมีเสรีภาพ
ในการประกอบการกสิกรรมและการพาณิชย์ และการรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ
(ราชกิจจานุเบกษา, 2498)
ส่วนในปี พ.ศ. 2564 พรรคการเมืองก็นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
เช่นกัน เช่น พรรคภูมิใจไทยนำเสนอแนวคิดว่า ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพและมีอำนาจ
ในการใช้ทรัพยากรทั้งของส่วนตนและของชาติ ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ด้วยแนวทางลด
อำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน และนโยบายกัญชาเสรี (BBC News, 2019 17 January)
ส่วนพรรคอนาคตใหม่นำเสนอนโยบาย เช่น ยุติระบบราชการแบบรวมศูนย์ ปฏิวัติการศึกษา
และไทยเท่าเทียม (อนาคตใหม่, 2564)
การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองโดยมุ่งเน้นที่ประโยชน์ส่วนรวม จึงกลายเป็นเรื่อง
พื้นฐานที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ต่างก็นำเสนอ อย่างไรก็ตาม นโยบายในลักษณะดังกล่าวกลับ
ไม่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้เกิดขึ้นได้ โดยสาเหตุหลักเกิดจากนโยบาย
ของพรรคการเมืองที่ดูแตกต่างกันนั้นเป็นเพียงความแตกต่างกันในเชิงรูปแบบ แต่ไม่ได้มี
ความแตกต่างกันในเชิงเนื้อหา ซึ่งหมายถึงการที่นโยบายของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ต่างก็
มุ่งนำเสนอประโยชน์ที่มีต่อส่วนรวมทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ นโยบายในลักษณะอื่นจึงถูกนำเสนอ
เพื่อให้ได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นจากประชาชน
คุณค่าด้านการแลกเปลี่ยน นโยบายประชานิยม
คุณค่าประการถัดมาที่แนวคิดการบริโภคเชิงสัญญะกล่าวถึง คือ คุณค่าด้านการแลกเปลี่ยน
หรือมูลค่า ซึ่งหมายถึง นโยบายของพรรคการเมืองในเชิงมูลค่าที่ประชาชนได้รับผลประโยชน์
โดยตรงในเชิงเศรษฐกิจที่จับต้องได้ แนวคิดนี้เริ่มเป็นที่กล่าวถึงเริ่มตั้งแต่รัฐบาลที่นำโดย
พรรคไทยรักไทยนำเสนอโครงการต่าง ๆ ไปยังประชาชนกลุ่มฐานรากซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่
ในประเทศไทย (นันทวุฒิ พิพัฒน์เสรีธรรม, 2551) ตัวอย่างเช่น โครงการพักหนี้เกษตรกร
รายย่อย โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และโครงการสร้างหลักประกันถ้วนหน้า
รักษาทุกโรค (ภัทร หวังศิริกุล, 2560) การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1
อย่างไรก็ตาม โครงการในลักษณะดังกล่าวของพรรคไทยรักไทยก็ถูกตั้งข้อครหาว่า
เป็นการกำหนดนโยบายโดยมองประชาชนเป็นดั่งลูกค้าของธุรกิจ และมีการนำการตลาดมาใช้