Page 86 - 23464_Full text
P. 86

85



                   ชะงักงันทางการเมืองด้วย เมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ จะเห็นว่าการเลือกใช้ระบบเลือกตั้งแบบใดแบบ
                   หนึ่งส่งผลต่อรูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลและความขัดแย้งทางการเมืองอย่างมีนัยส าคัญ



                   ข. ความเข้มแข็งและเสถียรภาพของรัฐบาล (government)

                          ความเข้มแข็งและเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นเป้าหมายส าคัญประการหนึ่งในการออกแบบ
                   ระบบเลือกตั้ง และส่งผลต่อคุณภาพของประชาธิปไตย เพราะความไร้เสถียรภาพและอ่อนแอของ
                   รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีผลท าให้ประชาชนเบื่อหน่ายต่อการเมือง และขาดความศรัทธาต่อ

                   ระบอบประชาธิปไตย นอกจากนั้นรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองจ านวนมากยังเป็น
                   อุปสรรคส าคัญในการผลิตและผลักดันนโยบายอย่างมีเอกภาพ (policy coherence) ด้วย

                          การพิจารณาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งที่มีต่อความเข้มแข็งและเสถียรภาพ
                   ของรัฐบาลสามารถพิจารณาได้จากรูปแบบของการจัดตั้งรัฐบาล ว่าระบบเลือกตั้งสร้างให้เกิดรัฐบาล
                   แบบใด กล่าวคือเป็นรัฐบาลพรรคเดียว, รัฐบาลผสมจ านวนน้อยพรรค หรือรัฐบาลผสมหลายพรรค

                   ในกรณีที่เป็นรัฐบาลผสม ที่นั่งของรัฐบาลมีลักษณะเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดหรือเป็นสียงข้างมากที่
                   เกินครึ่งไปเพียงเล็กน้อย (ที่เรียกกันว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ า) ซึ่งรูปแบบของการจัดตั้งรัฐบาลย่อมส่งผล
                   ต่อเสถียรภาพและความเข้มแข็งของการบริหารขับเคลื่อนนโยบายของฝ่ายบริหาร

                          ในขณะที่เขียนงานวิจัยชิ้นนี้ แม้ผลการเลือกตั้งจะถูกรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว แต่การ
                   จัดตั้งรัฐบาลยังไม่ส าเร็จลุล่วง การวิเคราะห์ในประเด็นนี้จึงเป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นโดยยึดจาก

                   ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลของกลุ่มพรรคการเมืองจ านวน 8 พรรคที่น าโดยพรรคก้าวไกลและพรรค
                   เพื่อไทย และประกอบด้วยพรรคอื่นที่เหลือคือ ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เพื่อไทรวมพลัง พลังสังคม
                   ใหม่ เสรีรวมไทย และเป็นธรรม ซึ่งได้จับมือกันประกาศต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย และจัดท าข้อตกลง

                                                          87
                   ร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาลจ านวน 23 ข้อ
                          เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบของ 8 พรรคที่ประกาศร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล พบว่าเป็นรัฐบาล
                   ผสมหลายพรรคที่มีเสียงข้างมากอย่างมั่นคงในสภา คือ 312 จาก 500 ที่นั่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
                   62.4 ของที่นั่งในสภา (ดูตารางที่ 10) ซึ่งชัดเจนว่ามิใช่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ า ลักษณะและองค์ประกอบ
                   ของรัฐบาลผสมที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2566 มีลักษณะคล้ายกับรัฐบาลที่น าโดยนายสมัคร สุนทรเวช,

                   สมชาย วงศ์สวัสดิ์, และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือสัดส่วนที่นั่งของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในช่วงประมาณ
                   ร้อยละ 60-62 และมีจ านวนพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคแต่ไม่ถึงกับมีจ านวนมากจนเป็นรัฐบาลผสม
                   แบบเสียงกระจัดกระจาย (fragmented government) ที่พรรคขนาดเล็กมีอ านาจในการต่อรอง
                   ผลประโยชน์และต าแหน่งสูง โดยในครั้งนี้จ านวนพรรคร่วมคือ 8 พรรค ซึ่งมากกว่าช่วงรัฐบาลสมัคร

                   สมชาย และยิ่งลักษณ์ที่มี 6 พรรคเล็กน้อย อันเนื่องมาจากระบบเลือกตั้งปี 2566 ไม่ได้ก าหนดเกณฑ์
                   ขั้นต่ าในการคิดคะแนนบัญชีรายชื่อท าให้มีพรรคขนาดเล็กเข้าสภา ดังที่ในรัฐบาลผสมมีพรรคขนาด
                   เล็ก 1 ที่นั่งถึง 3 พรรคที่ได้ส.ส. มาจากระบบบัญชีรายชื่อ คือ พรรคพลังสังคมใหม่ เสรีรวมไทย และ

                   เป็นธรรม




                   87  “8 พรรคเซ็น MOU เป็นรัฐบาล พิธายันไม่ถอย แก้ม.112 23 นโยบายต้องท า,” ไทยรัฐ, 23 พ.ค. 2566,
                   https://www.thairath.co.th/news/politic/2696048.
   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91