Page 85 - 23464_Full text
P. 85

84



                     ตารางที่ 9: พรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับหนึ่งกับความไม่เป็นสัดส่วน พ.ศ. 2544-2566


                              พรรคการเมือง              การเลือกตั้ง        ความไม่เป็นสัดส่วน
                                                                                 (ร้อยละ)

                        ไทยรักไทย                         2544                     8.96

                        ไทยรักไทย                         2548                    14.23

                        พลังประชาชน                       2550                     7.46

                        เพื่อไทย                          2554                     4.59

                        เพื่อไทย                          2562                     5.04

                        ก้าวไกล                           2566                    -8.28

                      ที่มา: ค านวณจากส านักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (2544, 2548, 2550, 2554, 2566)



                          การวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งในปี 2566 จะชัดเจนยิ่งขึ้น หากลอง
                   สมมติว่าถ้าการเมืองไทยเลือกใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วน (มีบัญชีรายชื่ออย่างเดียว) แทนระบบผสม
                   แบบเสียงข้างมากในการเลือกตั้งปี 2566 ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยส าคัญ
                   โดยหากคะแนนนิยมต่อพรรคคงเดิมดังที่ปรากฏในการเลือกตั้งครั้งนี้ ภายใต้ระบบเลือกตั้งแบบ

                   สัดส่วน ก้าวไกลจะได้ที่นั่ง 192 ที่นั่ง ส่วนรวมไทยสร้างชาติจะได้ 63 ที่นั่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบ
                   เปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองไทยไปในอีกทิศทางหนึ่ง ผลกระทบดังกล่าวคือ รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาล
                   และโฉมหน้าของรัฐบาลผสมหลังการเลือกตั้ง โดยหลังการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคการเมือง 8 พรรค

                   ร่วมกันประกาศจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย
                   เพื่อไทรวมพลัง เสรีรวมไทย เป็นธรรม และพลังสังคมใหม่  ซึ่งเมื่อน าคะแนนบัญชีรายชื่อของทั้ง 8
                                                                   86
                   พรรคมารวมกันจะเท่ากับร้อยละ 72.29 ซึ่งเมื่อน ามาค านวณที่นั่งในกรณีที่ประเทศไทยใช้ระบบ
                   เลือกตั้งแบบสัดส่วนจะท าให้แนวร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่น าโดยก้าวไกลและเพื่อไทยมีที่นั่งในสภาทั้งสิ้น
                   361 ที่นั่ง ซึ่งจะท าให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาได้อย่างมั่นคงกว่าในปัจจุบันภายใต้

                   ระบบผสมแบบเสียงข้างมากที่ 8 พรรคร่วมมีที่นั่งรวมกัน 312 ที่นั่ง เมื่อค านึงถึงกติกาการเลือก
                   นายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่ก าหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่าในช่วง 5 ปีแรกนายกฯ
                   จะมาจากการเลือกของที่ประชุมสองสภาคือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และผู้ที่จะได้รับการเลือก

                   เป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกจากสองสภารวมกัน ซึ่งหมายถึง 376 ที่นั่ง
                   ซึ่งหากแนวร่วม 8 พรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลมีที่นั่ง 361 เสียงก็จะต้องการเสียงจากส.ส. พรรคอื่น หรือ
                   วุฒิสมาชิกอีกเพียง 15 เสียงก็จะสามารถผลักดันให้ตัวแทนจากฝั่งของตนให้ได้รับเลือกเป็นนายกฯ
                   ได้ส าเร็จ ซึ่งจะมีผลในการลดความขัดแย้งของคนในสังคมในประเด็นการเลือกตั้งนายกฯ และภาวะ






                   86  “8 พรรคร่วม แถลงจัดตั้งรัฐบาลชื่นมื่น เปิดเงื่อนไข 3 ข้อ เตรียมโชว์ MOU 22 พ.ค.,” ไทยรัฐ, 18 พ.ค. 2566;
                   “เลือกตั้ง 2566: พิธาน า 8 พรรคแถลงร่วมตั้งรัฐบาล 313 เสียง มั่นใจโหวตผ่านนายกฯ,” ไทยพีบีเอส, 18 พ.ค.
                   2566, https://www.thaipbs.or.th/news/content/327925.
   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90