Page 84 - 23464_Full text
P. 84
83
เลือกใช้อัตราส่วนแบบเดียวกับสมัยการเลือกตั้งปี 2540 คือ จ านวน ส.ส. เขตต่อ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
เท่ากับ 100: 400 ซึ่งท าให้เกิดความไม่เป็นสัดส่วนในระดับที่ยังค่อนข้างสูง
ความไม่เป็นสัดส่วนในการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในสองลักษณะคือ หนึ่ง พรรคการเมือง
จ านวนหนึ่งได้ที่นั่งน้อยกว่าระดับความนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรค (คะแนนความไม่เป็นสัดส่วนติดลบ
ในตารางที่ 8) และสอง พรรคการเมืองอีกกลุ่มหนึ่งได้ที่นั่งในสภาสูงเกินกว่าคะแนนนิยมที่พรรคได้รับ
จากผู้เลือกตั้ง (คะแนนความไม่เป็นสัดส่วนเป็นบวกในตารางที่ 8) โดยพรรคการเมืองในกลุ่มแรกคือ
พรรคก้าวไกล เพื่อไทย รวมไทยสร้างชาติ ชาติพัฒนากล้า และพรรคขนาดเล็ก ได้แก่ เสรีรวมไทย
ประชาธิปไตยใหม่ ใหม่ ท้องที่ไทย เป็นธรรม พลังสังคมใหม่ ครูไทยเพื่อประชาชน โดยความไม่เป็น
สัดส่วนที่เกิดขึ้นกับพรรคขนาดเล็กเหล่านี้ถือว่าค่อนข้างต่ า คือได้คะแนนบัญชีรายชื่อเกินกว่าจ านวน
ที่นั่งในสภาไปเล็กน้อย
ความไม่เป็นสัดส่วนที่เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติพัฒนากล้าอยู่ในระดับที่ต่ า
เช่นกัน เพราะทั้งสองพรรคได้คะแนนบัญชีรายชื่อกับคะแนนพรรคในระดับที่ใกล้เคียงกัน ส าหรับ
พรรคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมาก คือ พรรคก้าวไกลกับ
พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งน่าสนใจว่าทั้งสองพรรคนี้มีอุดมการณ์อยู่ในขั้วตรงข้ามกันอย่างสูง
พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่หนึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยได้รับที่
นั่งน้อยกว่าคะแนนนิยมพรรคถึงร้อยละ 8.28 ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติได้รับผลกระทบเป็นอันดับ
รองลงมาคือ ได้รับที่นั่งน้อยกว่าคะแนนนิยมพรรคร้อยละ 5.5 ข้อเท็จจริงนี้สะท้อนปรากฏการณ์
ส าคัญของการเลือกตั้งปี 2566 ที่มีการเปลี่ยนภูมิทัศน์ของระบบพรรคการเมืองไทยและความนิยม
ชมชอบของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งจะวิเคราะห์ต่อไปข้างหน้าในส่วนของ
ความเข้มแข็งของระบบพรรคการเมือง (party system)
หากน าผลการเลือกตั้งปี 2566 ไปเปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งช่วงปี 2544-2562 จะพบว่า
หากพิจารณาเฉพาะสัดส่วนคะแนนและที่นั่งของพรรคที่ชนะเป็นอันดับหนึ่ง ความไม่เป็นสัดส่วนอยู่ใน
ระดับใกล้เคียงกับการเลือกตั้งปี 2544 ซึ่งใช้ระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมากเช่นเดียวกัน เพียงแต่
ความไม่เป็นสัดส่วนเกิดขึ้นคนละทิศทาง ในการเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทยซึ่งชนะอันดับหนึ่ง
ได้ที่นั่งเกินสัดส่วนคะแนนนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรค ในขณะที่ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกล
ได้ที่นั่งน้อยเกินกว่าคะแนนที่ประชาชนมอบให้พรรค (ดูในตารางที่ 9) แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบ
ความไม่เป็นสัดส่วนที่เกิดขึ้นกับทุกพรรคการเมืองประกอบกัน การเลือกตั้งปี 2566 นับว่า
เป็นการเลือกตั้งที่มีความไม่เป็นสัดส่วนมากที่สุด เพราะในการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ ในช่วงปี 2544-2562
85
ความไม่เป็นสัดส่วนมักจะเกิดขึ้นน้อยส าหรับพรรคอันดับรอง (2, 3, 4, 5…) ที่ไม่ชนะการเลือกตั้ง
แต่ในการแข่งขันปี 2566 มีพรรคที่ไม่ชนะการเลือกตั้งหลายพรรคที่ได้ที่นั่งทั้งที่น้อยและมากเกิน
สัดส่วนคะแนนนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรคจ านวนมาก โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยและพรรค
พลังประชารัฐ ที่ได้คะแนนบัญชีรายชื่อเพียง 3.03 และ 1.43 (ตามล าดับ) แต่ชนะการแข่งขันในระบบ
เขตมาในหลายเขตที่ผู้สมัครของพรรคมีความเข้มแข็งในด้านเครือข่ายอุปถัมภ์ส่วนบุคคลทางการเมือง
85 ยกเว้นเพียงการเลือกตั้งปี 2550 ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งน้อยกว่าคะแนนนิยมพรรคร้อยละ 6.07, ดูการ
เปรียบเทียบความไม่เป็นสัดส่วนในช่วงการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544-2562 ในงานวิจัยของผู้เขียนเรื่อง การเมืองของ
ระบบเลือกตั้ง: อ านาจ ความขัดแย้ง และประชาธิปไตย (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2566).