Page 63 - 23154_Fulltext
P. 63
58
อย่างไรก็ตาม อ านาจของสภาแห่งชาติก็อยู่ในสภาวะที่ต้องต่อรองความสัมพันธ์เชิงอ านาจระหว่าง
ประธานาธิบดีสหพันธ์ซึ่งมีการคานอ านาจกับสภาแห่งชาติด้วยอ านาจยุบสภา ดังมาตรา 29 ว่าด้วยอ านาจยุบสภา
“มาตรา 29 (1) ประธานาธิบดีสหพันธ์มีอ านาจยุบสภาแห่งชาติ แต่การใช้เอกสิทธิ์ดังกล่าวใช้ได้
ครั้งเดียวส าหรับเหตุผลการยุบสภาแบบใดแบบหนึ่ง การเลือกตั้งสภาแห่งชาติสมัยถัดไปจะจัดขึ้นโดย
รัฐบาลสหพันธ์ในช่วงเวลาไม่น้อยกว่า 100 วันหลังจากการยุบสภา”
3) คณะมนตรีแห่งมลรัฐ ซึ่งเป็นสภาที่ท าหน้าที่เป็นตัวแทนของมลรัฐโดยสัดส่วนเป็นไปตามมาตรา 34
ดังนี้
“มาตรา 34 (1) มลรัฐจะได้รับอ านาจในการก าหนดตัวแทนเพื่อให้ด ารงต าแหน่ง
สมาชิกสภาผู้แทนมลรัฐตามสัดส่วนพลเมืองในแต่ละมลรัฐ
มาตรา 34 (2) มลรัฐที่มีพลเมืองมากที่สุดจะมีตัวแทนจ านวน 12 คน มลรัฐที่มีพลเมืองน้อยกว่า
นั้นจะได้รับการจัดสรรตามสัดส่วน”
กระบวนการนิติบัญญัติของสภาแห่งชาตินั้นหากจะมีการผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ
หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่มีการจ ากัดอ านาจนิติบัญญัติหรือบริหารบางประการของมลรัฐ กรณีเช่นนี้แล้ว
จะเป็นไปตามมาตรา 44 (2) ว่าด้วยอ านาจลงคะแนนเสียงเห็นชอบของสภาผู้แทนมลรัฐดังนี้
“มาตรา 44 (2) ในการผ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหา
จ ากัดอ านาจมลรัฐในขอบเขตนิติบัญญัติหรือบริหาร จ าเป็นต้องได้รับเสียงเห็นชอบข้างมากจากสภาผู้แทน
มลรัฐไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสภา”
สรุป
ออสเตรียเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางการเมืองที่มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วง
ต้นศตวรรษที่ 20 เกิดการเปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก
มาสู่ยุคสาธารณรัฐในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนที่จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1920 ที่กลายเป็น
หมุดหมายส าคัญในการสถาปนาระบอบการเมืองประชาธิปไตยที่มีรูปแบบการปกครองสหพันธรัฐ โดยมีระบบ
รัฐสภาเป็นแกนหลักในการผ่านร่างกฎหมาย รวมถึงแก้ไขกฎหมายที่ส่งผลต่อการเพิ่ม-ลดอ านาจของระบบรัฐสภา
ในแต่ละช่วงการเมืองออสเตรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่พรรคการเมืองใหญ่ร่วมกันตั้งรัฐบาล ซึ่งจะยิ่งสนับสนุน
ให้การลงคะแนนเสียงผ่านกฎหมายส าคัญเป็นไปได้โดยสะดวก
แม้ว่าการปกครองของออสเตรียจะเป็นรูปแบบของสหพันธ์สาธารณรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์เชิง
อ านาจของระบบรัฐสภาออสเตรียกลับมีลักษณะรวมศูนย์อ านาจที่สภาแห่งชาติ ผลที่ตามมาคือ การแข่งขันทาง
การเมืองระหว่างขั้วอุดมการณ์ที่แตกต่างกันเพื่อผ่านกฎหมายที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรค ทางออกในการ
ประนีประนอมภายในระบบรัฐสภาออสเตรียจึงมีอย่างน้อย 2 แนวทางใหญ่คือ แนวทางแรก เปิดให้มีการท างาน
ร่วมกันระหว่างแต่ละพรรคการเมืองภายใต้ระบบคณะกรรมาธิการที่เป็นความถนัดเฉพาะด้านของสมาชิกสภาแต่
ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท างานในคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับสหภาพยุโรป อันเป็นการส่งเสริมสภาวะที่ต้อง