Page 227 - 23154_Fulltext
P. 227

222


                       ทว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งส าคัญประการหนึ่งที่บริบททางประวัติศาสตร์สามารถชี้วัดพลวัตของระบบรัฐสภาใน

               รัฐธรรมนูญที่ออกแบบภายใต้คณะรัฐประหาร ก็คือ หากสังเกตจากการรัฐประหารในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
               จะพบว่าการรัฐประหารใน 2 ครั้งล่าสุดมีการเรียนรู้ให้มีความเป็นสถาบันมากยิ่งขึ้น หากตั้งข้อสังเกตจาก 2 ปัจจัย
               ได้แก่ ปัจจัยแรกคือ เมื่อคณะรัฐประหารยึดอ านาจและยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้ว  ต้นแบบของรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้

               ถูกส่งต่อเป็นองค์ความรู้กันมา นับตั้งแต่ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2502, 2515, 2519, 2520 มาจนถึง 2534 ที่
               เป็นโครงร่างของธรรมนูญฉบับกองทัพที่สามารถน าต้นแบบมาใช้ได้ทันที โดยมีองค์ประกอบของสภาเดี่ยวที่รวบ

               อ านาจให้ฝ่ายบริหารสามารถท างานได้ราบรื่น โดยที่นอกจากจะมีมาตราว่าด้วยอ านาจพิเศษของนายกรัฐมนตรี
               เช่น มาตรา 17 ของสฤษดิ์ หรือมาตรา 44 ของประยุทธ์ เป็นต้น ยังมีการก าหนดให้มีสภาจ าแลงของกองทัพเพื่อ

               ควบคุมการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองผ่านต าแหน่งอย่างเป็นทางการที่รัฐธรรมนูญให้อ านาจหน้าที่เพื่อครอบง า
               รัฐสภาผ่านอ านาจการประชุมร่วมเพื่อให้ค าปรึกษาได้อีกด้วย นอกจากนั้นปัจจัยที่สองคือ ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญหลัง

               รัฐประหารไม่ว่าจะ พ.ศ. 2549 หรือ 2557 ทั้งคู่ต่างเป็นคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายให้คณะรัฐประหาร โดยมีบาง
               คนที่สั่งสมประสบการณ์จากการร่วมออกแบบรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อรักษาอ านาจมาหลายครั้งจนได้มีบทบาทน า
               ในการออกแบบรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้แก่คณะรัฐประหาร ตัวอย่างเช่น มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นต้น ท าให้ระบบรัฐสภาที่

               ออกแบบภายใต้คณะรัฐประหารไม่เพียงมีองค์ความรู้ในการออกแบบอย่างเป็นสถาบัน หากแต่ยังมีพัฒนาการให้
               เข้ากับบริบททางการเมืองในช่วงเวลานั้น เช่น สภาร่างรัฐธรรมนูญ ในรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2549 เพื่อให้

               กลมกลืนกับที่เคยมี สสร. ในช่วงก่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 หรือ สปช. ที่ตั้งขึ้นในรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ.
               2557 เพื่อให้เข้ากับกระแสปฏิรูปการเมือง เป็นต้น ขณะที่เมื่อมองย้อนกลับไปยังระบบรัฐสภาที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้
               บรรยากาศทางการเมืองที่ต้องการให้เกิดประชาธิปไตยที่มีความตั้งมั่นและส่งเสริมอ านาจของประชาชนด้วยการรับ

               ฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง อย่างเช่น รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 หรือ 2540 เป็นต้น ในส่วนต่อไปจึงจะพิจารณา
               ภาพรวมความ (ไม่) เป็นพลวัตของการออกแบบโครงสร้างของระบบรัฐสภาในรัฐธรรมนูญอดีตถึงปัจจุบัน


                       2.21.2 กรอบศึกษารัฐธรรมนูญเชิงรัฐศาสตร์: พลวัตความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างระบบรัฐสภา

                       จากเบื้องต้นที่ได้กล่าวถึงความเป็นพลวัตของการออกแบบระบบรัฐสภาภายใต้บทบาทน าของกองทัพช่วง

               ในรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ พรบ.ธรรมนูญการปกครองชั่วคราว พ.ศ. 2475 – รัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557
               อย่างไรก็ตาม เมื่อลองมองผ่านภาพรวมของสมาชิกในระบบรัฐสภาที่มีความเปลี่ยนแปลงมาตลอด จากสภาเดี่ยว
               เป็นสภาคู่ รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของที่มาและจ านวนของ ส.ส. และ ส.ว. ตามที่ก าหนดในรัฐธรรมนูญแต่ละ

               ฉบับ พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างรัฐสภาในภาพรวมดังนี้


               ตารางที่ 5.3 : ความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างรัฐสภา จาก พรบ.ธรรมนูญการปกครองชั่วคราว พ.ศ. 2475
               – รัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557
   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231   232