Page 169 - 23154_Fulltext
P. 169

164


               กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ในที่สุดก็มีการตอบรับปฏิเสธจากเปรมเพื่อที่จะไม่รับต าแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อในสมัยที่ 6

               อันเป็นการสิ้นสุดยุคเปรมาธิปไตย และเข้าสู่สมัยของ รัฐบาลจากการเลือกตั้งของพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ
                       การมาของรัฐบาลของชาติชายน ามาทั้งความหวังที่จะก้าวข้ามการเมืองแบบรัฐราชการที่ระบบราชการใช้
               ตัวแทนที่อยู่ในระบบรัฐสภาท าหน้าที่ครอบง าฝ่ายการเมือง ในมุมหนึ่งรัฐบาลชาติชายตอบสนองแก้ปัญหาทั้ง

               ประเด็นเศรษกิจระหว่างประเทศผ่านนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า และแก้ปัญหาทั่วไปให้ประชาชน
               อย่างไรก็ตามอุปสรรคของรัฐบาลชาติชายคือ ปัญหาของการจัดสรรให้มีการแสวงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจาก

               ตลาดการเมืองในระบบรัฐสภาให้แก่นักการเมืองหลายฝ่ายที่หมุนเวียนเป็นรัฐมนตรี หรือที่เรียกกันว่า “รัฐบาลบุฟ
               เฟ่ต์คาบิเน็ท” อันหมายความได้ว่า คณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลชาติชายทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางและไม่อั้นจน

               เปรียบเสมือนกับการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ (กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม, 2564)
                       ในช่วงเวลาที่ภาพลักษณ์ของนักการเมืองจากการเลือกตั้งก าลังลดความนิยมลงในสายตาของสังคม

               ประกอบกับมีความขัดแย้งระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งกับคนกองทัพ ตัวอย่างหนึ่งที่
               ชัดเจนคือ กรณีปะทะคารมระหว่างร้อยต ารวจเอกเฉลิม อยู่บ ารุง กับพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งความขัดแย้ง

               ยกระดับขึ้นเรื่อยมาจากข้อวิจารณ์ตัวแทนจากการแต่งตั้งของกองทัพ สู่กรณีกองทัพยึดรถโมบายยูนิตของ อ.
               ส.ม.ท. ในข้อหาก่อกวนระบบสื่อสารของกองทัพ อันส่งผลให้เกิดความตึงเครียระหว่างสภาผู้แทนราษฎรกับกองทัพ

               เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้น  กองทัพได้ใช้โอกาสรัฐประหารยึดอ านาจในนามของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย
               แห่งชาติ (รสช.) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534  โดยมีผู้น าคนส าคัญ เช่น พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ พลเอกสุ
               จินดา คราประยูร หรือพลอากาศเอกเกษม โรจนนิล เป็นต้น และแต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุนเป็นนายกรัฐมนตรี

               ขณะเดียวกัน รสช. ก็น าธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2534 ออกมาประกาศใช้ด้วยเจตนารมณ์ใช้ชั่วคราวในระหว่าง
               ที่ก าลังเปลี่ยนย้ายอ านาจมาอยู่ใต้กองทัพอีกครั้ง โดยความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่จะเปลี่ยนแปลงไปในระบบรัฐสภา

               ตลอดจนความแตกต่างจากธรรมนูญการปกครองของกองทัพในฉบับที่ผ่านมา จะน ามาอภิปรายในส่วนต่อไป

                       ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2534 ประกาศใช้ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2534 มีลักษณะ

               คล้ายกับธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2520 ใน 2 ประการ ได้แก่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติมาจากการ
               แต่งตั้งโดยประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ท ารัฐประหารยึดอ านาจ มีหน้าที่จัดท า
               รัฐธรรมนูญ และพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมแก่รัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นชั่วคราว , คณะ

               รัฐประหารก็ตระหนักดีถึงความคาดหวังและแรงกดดันทางสังคม จึงก าหนดไว้ในธรรมนูญอย่างชัดแจ้งว่าจะให้มี
               รัฐธรรมนูญใหม่และมีการเลือกตั้งภายในปีเดียวกันนั้น นอกจากนี้ ธรรมนูญฉบับนี้ยังให้ “อ านาจพิเศษ” แก่

               นายกรัฐมนตรีเหมือนอย่างตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยก าหนดไว้ในมาตรา 27 ของธรรมนูญ (นรนิติ
               เศรษฐบุตร, 2558: 187-188)


                       โครงสร้างอ านาจหน้าที่ของรัฐสภา

                       เมื่อพิจารณาตัวบทของธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2534 ก็จะสามารถสังเกตผ่านค าปรารภได้ว่ามี

               ลักษณะที่คล้ายคลึงกับธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520 ที่เป็นธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่ใช้ไปพลางก่อน
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174