Page 195 - kpi21190
P. 195
195
3.2 กำหนดกลไกทางรัฐสภาในการตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาลเพื่อรับผิดชอบต่อ
ประชาชนโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป
เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในสมัยประชุมสามัญได้เพียง
ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น (มาตรา 121)
3.3 ผู้นำฝ่ายค้านสามารถขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจเพื่อให้
พรรคเสียงข้างน้อยได้ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการบริหารงานและเป็นการลด
ความตึงเครียดทางการเมือง (มาตรา 155)
3.4 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ
สภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถาม
ข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติก็ได้
3.5 สมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภามีสิทธิเข้าชื่อ
ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจง
ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ (มาตรา
153)
3.6 ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลให้รัฐบาลบริหารงาน
เพื่อตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชนได้ดี สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรสมาชิกวุฒิสภา มีสิทธิตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ
งานในหน้าที่โดยถามเป็นหนังสือหรือด้วยวาจา (มาตรา 150) ในทุกสมัยของ
การประชุมรัฐสภา
3.7 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ สมาชิกวุฒิสภา มีเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาดในการ
กล่าวถ้อยคำใดในการแถลงข้อเท็จจริงและความคิดเห็นหรือการออกเสียง
ลงคะแนนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือที่ประชุมวุฒิสภาหรือที่ประชุม
ร่วมกันของรัฐสภา
4. การลดความขัดแย้งและส่งเสริมเสถียรภาพทางการเมือง
4.1 มุ่งส่งเสริมให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติต่างทำหน้าที่ของตนได้ดี มีความ
เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน และสามารถหาทางออกต่อความขัดแย้งทางการเมืองได้
โดยสันติวิธี ไม่ต้องขัดแย้งกันจนนำไปสู่การยุบสภาหรือการลงมติไม่ไว้วางใจ
รัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรี
4.2 รัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากรัฐสภา เหมือนกับที่บัญญัติไว้ตั้งแต่
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการ การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2
แผ่นดิน คณะรัฐมนตรีขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิก
รัฐสภาได้ โดยไม่มีการลงมติ (มาตรา 165)