Page 83 - kpi20899
P. 83

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                      ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







               4.6 ข้อสรุปเชิงทฤษฎีกับตัวแบบการบริหารจัดการน้้า


                       จากการศึกษาการบริหารจัดการน้้าของชุมชนหนองพันจันทร์ในครั้งนี้ท้าให้เห็นว่า ทุนทางสังคม

               เป็นเงื่อนไขส้าคัญของความส้าเร็จในการบริหารจัดการน้้า ทุนทางสังคมดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วม

               ในกระบวนการประชาธิปไตยชุมชนเพื่อการบริหารจัดการน้้า และทุนทางสังคมยังสร้างความตระหนัก

               ในสิทธิชุมชนของชาวหนองพันจันทร์ในอันที่จะบริหารจัดการน้้าด้วยชุมชนเอง ทุนทางสังคมคือเงื่อนไข

               ส้าคัญในการช่วยให้การบริหารจัดการต่างๆ ได้ท้าให้ชาวหนองพันจันทร์มีพลัง มีความสามารถที่จะไปร่วม

               ก้าหนดอนาคตของชุมชนของตนได้ การที่คนหนองพันจันทร์เข้ามามีความสัมพันธ์กันนั้น มิได้เกิดจาก

               ประเด็นปัญหาส่วนตัว แต่เกิดจากเรื่องของน้้าที่เป็นปัญหาส่วนตัวและปัญหาส่วนรวม ความไว้ใจซึ่งกัน

               และกัน การมีผู้น้าที่ซื่อสัตย์และเป็นธรรมท้าให้เกิดกติกาการใช้น้้าที่ถูกก้าหนดขึ้นมา ได้รับการปฏิบัติตาม

               ขณะที่ความสัมพันธ์ก็เป็นฉันท์เพื่อน ญาติมิตร การหาทางออกของชาวบ้านก็มุ่งที่ความสมานฉันท์เป็น

               ส้าคัญ แต่ทว่าทุนทางสังคมของชาวหนองพันจันทร์ถูกสร้างหรือก่อรูปขึ้นมาจากกระบวนการในสองส่วน

               ส้าคัญด้วยกันกล่าวคือ ทุนทางสังคมที่สั่งสมมาจากอดีต เป็นทุนทางสังคมที่ก่อรูปมาจากจิตส้านึกร่วม

               ที่เกี่ยวโยงอยู่กับประวัติความเป็นมาของชุมชน แม้จะไม่ยาวนานนักแต่ท้าให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจ

               ความรู้สึกรักผูกพัน หวงแหนและเป็นพวกเดียวกันของคนในชุมชน กับแบบแผนความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้น

               จากเครือญาติ กลุ่ม องค์กร และเครือข่าย และทุนทางสังคมที่สร้างขึ้นมาจากพลังแห่งการสร้างสรรค์

               อันเป็นผลมาจากการเผชิญความเปลี่ยนแปลงหรือวิกฤตการณ์ จนน้าไปสู่ทางออกและทางแก้  ในที่นี้คือ

               พลวัตของการบริหารจัดการน้้า  กล่าวคือทุนทางสังคมที่สร้างขึ้นจากทั้งสองเงื่อนไขที่ได้กล่าวข้างต้น มิได้

               หยุดนิ่ง กล่าวคือทุนทางสังคมที่สร้างจากจิตส้านึกร่วมกับแบบแผนความร่วมมือ ถูกถ่ายทอดและเรียนรู้

               ผ่านการส่งต่อของบุคคลแบบรุ่นสู่รุ่น ภายใต้สภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป การเรียนรู้และถ่ายทอด

               ความรับรู้ที่สร้างจิตส้านึกร่วมนี้ก็จะยังคงเคลื่อนต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่ทุนทางสังคมที่สร้างจาก

               พลังแห่งการสร้างสรรค์เป็นทุนทางสังคมที่เกิดจากการรับรู้ถึงวิกฤตการณ์หรือความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น

               ตราบใดที่ยังคงมีความเปลี่ยนแปลงต่อไป การใช้พลังแห่งการสร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นต่อไป น้าไปสู่การ

               จัดการทรัพยากรน้้าที่เป็นพลวัตอย่างยั่งยืน















                                                         82
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88