Page 124 - kpi20858
P. 124

81






                                  พระเทวทัตได้ติดสินบนแก่ควาญช้าง  เพื่อมอมเหล้าพญาช้างนาฬาคิรีจนเกิดความ
                            คลุ้มคลั่ง  แล้วปล่อยให้ไปท าร้ายพระพุทธองค์  ขณะเสด็จพุทธด าเนินบิณฑบาตอยู่ในเมือง

                            ราชคฤห์  ขณะที่พญาช้างส่งเสียงกึกก้องวิ่งตรงเข้าหาพระองค์นั้น  พระอานนท์วิ่งออกมา
                            ขวางหมายน้อมถวายชีวิต  พระพุทธองค์จึงทรงใช้พุทธปาฏิหาริย์บันดาลให้พญาช้างวิ่งไป

                            ทางอื่นแล้วทรงแผ่เมตตาจนช้างได้สติ  ทรุดกายลงยกงวงขึ้นถวายอภิวาท  ทรงยกพระหัตถ์
                            ขวาลูบกระพองศีรษะและทรงประทานโอวาทแก่พญาช้างให้หยุดกระท าปาณาติบาต  ละเลิก

                            ความโกรธ ไม่คิดเบียดเบียนอีกต่อไป

                                  พุทธประวัติตอนนางจิญจมานวิกา กล่าวหาว่าพระพุทธเจ้าได้ท าให้นางตั้งครรภ์ ต่อ

                            หน้าเหล่าบริวารธารก านัล ท้าวสักกะซึ่งประทับบนสวรรค์เห็นปัญหาดังกล่าว จึงส่งเทวดา 4

                            องค์แปลงร่างเป็นหนูเข้าไปแทะท่อนไม้กลมที่นางจิญจมานวิกาซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อผ้า  เพื่อลอง
                            พระพุทธองค์ว่าตั้งครรภ์ให้แตกสิ้น  ครั้นเมื่อความจริงปรากฏนางจิญจมานวิกาจึงถูกธรณี

                            สูบไปในที่สุด

                                  นันโทปนันทะ เป็นพญานาคมีทิฏฐิมานะ มีฤทธิ์มาก ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าและเหล่า

                            สาวกได้เหาะไปในอากาศข้ามผ่านเศียรของนันโทปนันทะโดยบังเอิญ  ด้วยความโกรธ
                            พญานาคจึงแสดงฤทธิ์  พระพุทธองค์จึงทรงมีพุทธบัญชาให้พระมหาโมคคัลลานะไปปราบ

                            ทั้งสองได้แสดงฤทธิ์สู้กัน แต่นันโทปนันทะสู้ไม่ได้ในที่สุดจึงยอมแพ้และเข้าสู่ร่มพระพุทธศาสนา

                                  สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่โคนต้นรังใหญ่ในสภควัน  ใกล้เมืองอุกกัฏฐา

                            ทรงตรวจดูด้วยสัพพัญญุตาญาณ  ก็เห็นว่าท้าวพกาพรหมมีมิจฉาทิฏฐิ  หลงเชื่อว่า  พรหม
                            โลกนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา จึงเสด็จขึ้นไปโปรด ท้าวพกาพรหม

                            เห็น  ดังนั้นจึงเจรจาอวดอ้างอ านาจของตนว่าไม่มีสิ่งใดลบเร้นจากทิพยจักษุของตนได้  และ

                            ท้าทายว่าจะแปลงกายไปซ่อนตัวให้พระพุทธเจ้าจับไม่ได้  แต่ทุกครั้งที่ท้าวพกาพรหมแปลง
                            ตัวพระพุทธเจ้าก็ล่วงรู้ทั้งสิ้น ครั้นพระพุทธเจ้าแปลงกลายช่อนตัวบ้าง ท้าวพกาพรหมกลับมอง

                            หาไม่เจอเลยขอยอมแพ้    พระพุทธองค์จึงเฉลยว่าพระองค์นั้นซ่อนอยู่ในศีรษะของท้าวพกา

                            พรหมมาโดยตลอด พร้อมทั้งเทศนาสั่งสอนท้าวพกาพรหมจนบรรลุโสดาบัน

                                  หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น ทรงเสวย

                            วิมุติสุขเป็นเวลา 7 สัปดาห์ โดยเรียกสถานที่ต่างๆ ที่พระพุทธองค์เสด็จไปในช่วงเวลานั้นว่า
                            สัตตมหาสถาน โดยในสัปดาห์ที่สอง พระองค์ทรงประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงประทับยืนมอง

                                                                                    129
                            ต้นโพธิ์ที่พระองค์นั่งจนตรัสรู้ โดยมิได้กระพริบพระเนตรเป็นเวลา 7 วัน

                           129  ศูนย์ศึกษาศิลปกรรมโบราณในเอเชียอาคเนย์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, วัดสามแก้ว, เข้าถึงเมื่อ 28
                       กรกฎาคม 2562 เข้าถึงได้จาก http://scaasa.org/?p=2903
   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129