Page 161 - kpi20764
P. 161
160
กล่าวโดยสรุปปัญหาที่พบ คือการละเมิดสิทธิของพนักงาน
หรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้ถูกกลั่นแกล้งในที่ทำางาน แต่หนทางที่ผู้แจ้งข้อมูล
หรือเบาะแสจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายตามกฎหมาย WPA
ฉบับปี 1989 นั้นดำาเนินไปได้ยากลำาบาก เพราะต้องอาศัยการพิจารณาถึง
เนื้อหาและลักษณะของข้อมูลที่จะต้องตรงตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำาหนด
จึงจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย WPA ซึ่งเป็นข้อปัญหาเดิมที่เคย
ประสบในการบังคับใช้กฎหมาย CRSA ประกอบกับกฎระเบียบวิธีการ
ปฏิบัติตามกฎหมายยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ในขั้นตอนการร่าง
กฎหมาย กฎหมาย WPA จึงไม่สามารถสร้างแรงจูงใจหรือ แรงกระตุ้น
ที่จะส่งเสริมให้พนักงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐทำาการเปิดเผยข้อมูลที่ตน
เห็นว่ามีความสำาคัญต่อประโยชน์สาธารณะ เพราะหากพนักงานหรือ
เจ้าหน้าที่รัฐได้ทำาการแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสการกระทำาผิดแล้วอาจส่งผล
ให้บุคคลนั้นต้องตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่จะได้รับผลร้ายหรือสูญ
เสียอาชีพการงานของตนเองไป การปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย
ในปี 1994 จึงมีวัตถุประสงค์หลัก คือ 1) ลดปัญหาในการตีความกฎหมาย
ดังเช่นปัญหาที่พบมาในอดีตของกฎหมาย CSRA โดยกำาหนดให้กฎหมาย
WPA ขยายความคุ้มครองแก่การแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสการกระทำา
ความผิดในทุกกรณี ประกอบกับ 2) ความพยายามเสริมสร้างความ
เข้มแข็งให้กับมาตรการทางกฎหมายให้สามารถคุ้มครองพนักงานหรือ
เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ทำาการแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสจากการให้บริการ
สาธารณะ เช่น การเปิดเผยการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำาความผิด
ต่อหน้าที่ การใช้อำานาจตามกฎหมายในทางที่ผิด หรือการคอร์รัปชั่น
ของเจ้าหน้าที่รัฐ
เมื่อมีการปรับปรุงแก้ไขขยายความคุ้มครองแก่การแจ้งข้อมูล
หรือเบาะแสการกระทำาความผิดในทุกกรณี จึงได้มีการทบทวนและแก้ไข
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 160 13/2/2562 16:41:45

