Page 141 - kpi20764
P. 141
140
ทั้งนี้ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปตัดสินว่าการเปิดเผยควรจะมีขึ้น
ในโอกาสแรกแก่ผู้บังคับบัญชาของผู้เปิดเผยหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่มี
อำานาจ ซึ่งการจะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะนั้นๆ ด้วยตนเองอันเป็น
หนทางสุดท้ายจะต้องเป็นกรณีเฉพาะว่าพฤติการณ์ดังกล่าวไม่สามารถ
จะกระทำาได้อย่างชัดแจ้ง โดยในคดีดังกล่าว นาย Guja เป็นผู้อำานวยการ
แผนกข่าวสารของสำานักงานอัยการสูงสุด และภายหลังกระบวนการ
ดำาเนินคดีที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำารวจผู้ซึ่งปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยโดยมิชอบ
และมีมติไม่สั่งฟ้องนั้น นาย Guja ก็ได้ส่งจดหมาย 2 ฉบับถึงสำานักข่าว
เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวโดยให้ความเห็นว่าคดีที่ถูกไม่สั่งฟ้องไปนั้นอาจจะ
มาจากเจตนาที่ไม่เหมาะสม อีกทั้ง หนึ่งในจดหมายดังกล่าวก็เกี่ยวข้อง
กับข้าราชการระดับสูงในรัฐสภาที่พยายามที่จะช่วยเหลือตำารวจเหล่านั้น
ให้รอดพ้นจากความผิด ทำาให้เกิดผลที่ตามมา นั่นก็คือ นาย Guja
ถูกไล่ออกเพราะเปิดเผยความลับและไม่ได้ปรึกษาผู้บังคับบัญชาก่อน
ที่จะนำาไปเปิดเผยต่อสาธารณะ อันเป็นการขัดต่อระเบียบภายในของ
องค์กร จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ประเด็นแห่งคดี จึงต้องพิจารณาว่า
การถูกไล่ออกของ นาย Guja นั้นถือว่าเป็นการแทรกแซงเสรีภาพในการ
แสดงความคิดเห็นอันเป็นสิ่งสำาคัญในสังคมอันเป็นประชาธิปไตยหรือไม่
ในกรณีนี้ ศาลพิจารณาว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อหน้าที่
โดยไม่ชอบภายในหน่วยงานนั้นถือว่าเป็นข้อมูลสำาคัญที่กระทบต่อ
ประโยชน์สาธารณะและสังคมอันเป็นประชาธิปไตย และมีน้ำาหนักมากกว่า
การเก็บรักษาไว้เป็นความลับเฉพาะภายในองค์กร ศาลไม่มีเหตุผลที่จะ
เชื่อได้ว่า นาย Guja มีเจตนาที่จะกระทำาไปเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
และเห็นว่า นาย Guja กระทำาไปบนพื้นฐานของความสุจริต ทั้งนี้ โทษ
สูงสุดที่พอจะเป็นไปได้คือ การไล่ออกนั้นถูกนำามาใช้กับ นาย Guja ซึ่งไม่
เพียงแต่จะสร้างผลกระทบในเชิงลบต่อหน้าที่การทำางานของ นาย Guja
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 140 13/2/2562 16:41:44