Page 82 - kpi20440
P. 82

KPI Congress 20th
           82
                    2018
              Thai Democracy on the Move




                      ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่าการด�าเนินการพิจารณาและลงมติแก้ไข

             เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องทั้งหมดในคดีนี้ เป็นการกระท�าที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 มาตรา
             125 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง มาตรา 126 วรรคสาม มาตรา 291 (1) (2) และ (4) และมาตรา 3 วรรคสอง และ

             วินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่า มีเนื้อความที่เป็นสาระส�าคัญขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์
             ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อันเป็นการกระท�าเพื่อให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดได้มาซึ่งอ�านาจ

             ในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
             พุทธศักราช 2550 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่งส่วนที่ผู้ร้องที่ 1 ขอให้ยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง

             และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองดังกล่าวนั้น เห็นว่า ยังไม่เข้าเงื่อนไขตาม
             รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 68 วรรคสาม และวรรคสี่ จึงให้ยกค�าร้อง


                      โดยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักนิติธรรม ในมาตรา 3 วรรคสอง ศาลได้วินิจฉัยไว้สี่ประเด็น   ได้แก่
                                                                                                 30

                      ประเด็นที่หนึ่ง การตัดสิทธิในการอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาและ

             รวบรัดปิดการอภิปรายโดยอาศัยมติเสียงข้างมาก ศาลเห็นว่า แม้การปิดการอภิปรายจะเป็นดุลพินิจของประธาน
             และแม้เสียงข้างมากมีสิทธิที่จะลงมติให้ปิดการอภิปรายได้ก็ตาม แต่การใช้ดุลพินิจและการใช้เสียงข้างมากนั้น

             จะต้องไม่ตัดสิทธิการท�าหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา หรือละเลยไม่ฟังความเห็นของฝ่ายข้างน้อย การรวบรัด
             ปิดการอภิปรายและปิดประชุมเพื่อให้มีการลงคะแนนเสียง จึงเป็นการใช้อ�านาจไปในทางที่ไม่ชอบ เอื้อประโยชน์

             แก่ฝ่ายข้างมากโดยไม่เป็นธรรม อันเป็นการ “ขัดต่อหลักนิติธรรม”


                      ประเด็นที่สอง การเริ่มนับระยะเวลาในการแปรญัตติย้อนหลัง ท�าให้เหลือระยะเวลาในการขอแปรญัตติ
             เพียง 1 วัน ศาลเห็นว่า การแปรญัตติเป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภาที่จะเสนอความคิดเห็น การแปรญัตติจึงต้องมี

             เวลาพอสมควรเพื่อให้สมาชิกผู้ประสงค์จะขอแปรญัตติได้ทราบระยะเวลาที่แน่นอนในการยื่นขอแปรญัตติอันเป็น
             สิทธิในการท�าหน้าที่ของสมาชิก การนับระยะเวลาในการแปรญัตติ ย่อมไม่อาจนับเวลาย้อนหลังได้แต่ต้องนับ

             ตั้งแต่วันที่ที่ประชุมมีมติเป็นต้นไป การเริ่มนับระยะเวลาย้อนหลังไปจนทาให้เหลือระยะเวลาขอแปรญัตติเพียง
             1 วัน เป็นการด�าเนินการที่ขัดต่อข้อบังคับการประชุมและไม่เป็นกลาง จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 125

             วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ทั้ง “ขัดต่อหลักนิติธรรม” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง ด้วย


                      ประเด็นที่สาม การอ้างหลักเสียงข้างมาก โดยไม่ค�านึงเสียงข้างน้อย เพื่อหยิบยกมาสนับสนุน
             การใช้อ�านาจตามอ�าเภอใจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้ใช้อ�านาจ โดยปรากฏในวินิจฉัยกลางไว้ตอนหนึ่งว่า
       เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อยที่ 1  30   วิสิฐ ญาณภิรัต. อ้างแล้วใน 26 หน้า 104-110.
             “…รัฐธรรมนูญ 2550 ได้น�าหลักนิติธรรมมาก�ากับการใช้อ�านาจของทุกฝ่าย ทุกองค์กรและทุกหน่วยงานของ
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87