Page 18 - kpi19910
P. 18

8







                      หรือความเห็นต่างกัน (นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีตามค าสั่งส านักนายกรัฐมนตรีที่
                      187/2546, 2546) การขจัดความรุนแรง ลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยการจัดการความขัดแย้งนั้นมีอยู่

                      หลายวิธีการ ซึ่งอยู่กับความเหมาะสมของวิธีการว่าจะจัดการกับความขัดแย้งดังกล่าวอย่างไร โดย
                      ฮัสสัน ดูมาลี (2558) ระบุแนวทางการจัดการความขัดแย้ง คือ
                               1. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (Mediation) เป็นวิธีการที่คล้ายกับการเจรจาต่อรองแต่อาศัย
                      บุคคลที่สามที่เป็นกลาง ซึ่งเรียกว่า “ผู้ไกล่เกลี่ย” คอยช่วยเหลือ สนับสนุนกระบวนการเจรจาต่อรอง

                      ให้ด าเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังร่วมกับคู่พิพาทแสวงหาทางออกที่เหมาะสมและเกิด
                      ความพึงพอใจแก่ทุกฝ่าย
                               2. การฟ้องร้อง (Litigation) เป็นวิธีการที่คู่พิพาทน าเสนอพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อ

                      เรียกร้องของตน และให้บุคคลที่เป็นกลางหรือศาลเป็นผู้ตัดสินความถูกต้อง โดยอาศัยกฎหมายที่
                      เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นเป็นหลักในการตัดสิน
                               3. การเผชิญหน้าและประท้วงอย่างสันติ (Non-violence Confrontation) เป็นวิธีการที่
                      แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา แต่เป็นวิธีการที่ฝ่ายหนึ่งปฏิเสธไม่ท าตามหรือปฏิบัติ
                      หรือมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ได้เป็นการแก้ที่ตัวปัญหา แต่อาจเป็นวิธีการกดดันให้ฝ่าย

                      หนึ่งยอมปฏิบัติในสิงที่ต้องการ
                               นอกจากนี้ ยังมีวิธีการหรือแนวทางการจัดการความขัดแย้งที่น่าสนใจ และสามารถน าไปใช้
                      ได้อีกหลากหลายวิธี ซึ่ง  มนตรี ศิลป์มหาบัณฑิต (2555) กล่าวว่า เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้น คู่กรณี

                      เกี่ยวข้องกับข้อขัดแย้ง หรือบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกับความขัดแย้ง อาจใช้วิธีการ
                      จัดการกับความขัดแย้งได้หลายรูปแบบ โดยการแก้ไขข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะอาจเริ่มใน
                      ลักษณะที่ไม่เป็นทางการ หรือเป็นกระบวนการที่คู่ความเป็นผู้ตัดสินใจเลือกกระบวนการหรือวิธีการ
                      รวมถึงผลของการแก้ไขข้อขัดแย้งด้วย ไปจนกระทั่งเป็นการแก้ไขข้อขัดแย้งในลักษณะบังคับ ซึ่งวิธีการ

                      ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะของความขัดแย้งสถานการณ์ความรุนแรงของปัญหา และอ านาจในการ
                      จัดการกับความขัดแย้ง คือ
                               1. การหลีกเลี่ยงหรือหนีปัญหา (Avoidance) เป็นวิธีการที่ฝ่ายหนึ่งซึ่งโดยปกติเป็นผู้ที่มี
                      หน้าที่ในการแก้ไขความขัดแย้งด้วย ไม่สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง หรือคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างไม่

                      สนใจที่จะแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ อาจมีสาเหตุมาจากไม่รู้ว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้น หรือรู้แต่ไม่สนใจที่จะ
                      แก้ไขความขัดแย้งนั้น หรือไม่เห็นว่าข้อขัดแย้งนั้นเป็นปัญหาส าคัญหรือไม่เป็นผู้ที่มีอ านาจที่จะแก้ไข
                      เปลี่ยนแปลง หรือไม่เชื่อว่าการแก้ไขข้อขัดแย้งจะน าไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น หรือทั้งสองฝ่ายไม่มีความพร้อมที่จะ
                      เจรจายุติข้อขัดแย้งระหว่างกัน ซึ่งหากข้อขัดแย้งนั้นมีการเริ่มต้นเรียกร้องจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากอีก

                      ฝ่ายหนึ่งใช้วิธีนี้ ฝ่ายที่เรียกร้องจะมีความรู้สึกว่าข้อเรียกร้องของตนไม่ได้รับความสนใจหรือการ
                      ตอบสนอง จนเกิดเป็นความรู้สึกว่าเป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งวิธีการเช่นนี้อาจน าไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น
                      เรื่อย ๆ เนื่องจากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข

                             2. การเจรจาต่อรอง (Negotiation) เป็นวิธีการที่คู่พิพาททั้งหมดสมัครใจที่จะแก้ไขปัญหา
                      ระหว่างกันด้วยการพูดคุยบอกกล่าวให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบถึงความต้องการ และประโยชน์ของฝ่ายตน
                      เจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน และตกลงใจร่วมกันในการยุติความขัดแย้ง
                      เป็นวิธีการที่สะดวก ง่าย ไม่เป็นทางการ และรวดเร็วที่สุดในการแก้ไขความขัดแย้งแต่จะเป็นวิธีการที่
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23