Page 64 - kpi19903
P. 64
38
ความสัมพันธ์แบบไม่ได้ค านึงถึงความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ ศึกษาความสัมพันธ์ด้วยสถิติเชิงพื้นที่สองวิธี คือ
Spatial lag regression analysis และ Spatial error regression analysis ซึ่งพิจารณาความสัมพันธ์ของตัว
แปรที่มีการค านึงถึงความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ด้วย
การทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ เพื่อเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพื้นที่ที่มีต่อ
พฤติกรรมการเลือกตั้ง รวมไปถึงการเข้าใจถึงรูปแบบเชิงพื้นที่ และวิธีการทดสอบต่าง ๆ ที่จะน ามาซึ่งการ
วิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง ประกอบด้วย 3.4.1 สถิติเชิงพื้นที่ (Spatial Statistics) 3.4.2 ความสัมพันธ์เชิงพื้นที่
(Spatial Autocorrelation) 3.4.3 น้ าหนักเชิงพื้นที่ (Spatial Weight) และ 3.4.4 การวิเคราะห์ถดถอยเชิง
พื้นที่ (Spatial Regression)
3.4.1 สถิติเชิงพื้นที่ (Spatial statistics)
สถิติเชิงพื้นถูกน ามาใช้ในการวิเคราะห์ลักษณะการกระจายตัวของข้อมูลเชิงพื้นที่ การจัดกลุ่ม การหา
ความหนาแน่นต่อหน่วยเชิงพื้นที่ การหาค่าเฉลี่ย การวิเคราะห์จุดศูนย์กลางของข้อมูลคุณลักษณะ หลักการ
พื้นฐานของสถิติเชิงพื้นที่ จะค านวณค่าน้ าหนักจากสัดส่วนของระยะทาง เพื่อน ามาใช้ค านวณค่าสถิติรูปแบบ
ต่าง ๆ
พจนานุกรมทางด้าน Geographic Information System (GIS) ได้ให้ความหมายของสถิติเชิงพื้นที่ว่า
เป็นการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทางสถิติที่ใช้พื้นที่และความสัมพันธ์เชิงพื้นที่โดยตรงในการค านวณทาง
คณิตศาสตร์ (เช่น ระยะทาง พื้นที่ ความยาว ความสูง การวางแนว, ศูนย์กลาง และ / หรือลักษณะเชิงพื้นที่
อื่น ๆ ของข้อมูล) สถิติเชิงพื้นที่จะใช้ส าหรับการวิเคราะห์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงการวิเคราะห์รูปแบบ การ
วิเคราะห์รูปร่าง การสร้างตัวแบบพื้นผิวและการท านายพื้นผิว การถดถอย เชิงพื้นที่ (Spatial regression)
การเปรียบเทียบข้อมูลเชิงสถิติของชุดข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial datasets) การสร้างตัวแบบทางสถิติและการ
ท านายปฏิสัมพันธ์เชิงพื้นที่ และอื่น ๆ สถิติเชิงพื้นที่มีหลายประเภท รวมถึงสถิติเชิงพรรณนา สถิติเชิงอนุมาน
การส ารวจ (Exploratory) สถิติภูมิศาสตร์ (Geostatistical) และสถิติทางเศรษฐมิติ (Econometric
statistics) (Wade & Sommer, 2006)
สถิติเชิงพื้นที่จึงเป็นการหารูปแบบและความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ ช่วยให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบกลุ่มของ
ลักษณะ (Feature) และแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่าง ๆ ในเชิงพื้นที่ได้อย่างชัดเจนและ
สามารถค านวณความน่าจะเป็นของรูปแบบหรือความสัมพันธ์ได้ โดยได้มีการพัฒนาเครื่องมือทางภูมิ
สารสนเทศ (GIS tool) ต่าง ๆ ที่ใช้ในการอธิบาย การกระจายของกลุ่ม การจ าแนกรูปแบบ และการวัด
ความสัมพันธ์ระหว่าง Features เครื่องมือเหล่านี้จะใช้วิธีการทางสถิติเพื่อช่วยให้การแสดงแผนที่เร็วขึ้น และ
ได้รูปแบบความสัมพันธ์ของข้อมูลที่ถูกต้องแม่นย ามากขึ้น ในการศึกษาผลการเลือกตั้งโดยการวิเคราะห์ระดับ
เขตเลือกตั้งจึงได้น าสถิติเชิงพื้นที่มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริงของปรากฏการณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น