Page 356 - kpi19903
P. 356
319
ประชาธิปัตย์ต้องการขยายฐานเสียงควรสนใจไปหาเสียงหรือมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนในบริเวณที่เพิ่งมีความ
เป็นเมืองหรือเป็นเมืองในส่วนที่เพิ่งขยายออกมาน่าจะท าให้พรรคประชาธิปัตย์
ประการที่สาม เขตเลือกตั้งที่มีพื้นที่เกษตรกรรมมีแนวโน้มจะเลือกพรรคเพื่อไทยในขณะที่พื้นที่เมืองและ
สิ่งปลูกสร้างมีแนวโน้มจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องเน้นนโยบายที่เกี่ยวกับเกษตรกรและท า
ให้เกษตรกรพึงพอใจในนโยบายสาธารณะของพรรค ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ต้องเน้นนโยบายสาธารณะ
และผลงานเกี่ยวกับการจัดการเมืองและสาธารณูปโภคในเมือง ให้ชัดเจนหรือหากจะขยายฐานเสียงก็ต้องเน้น
นโยบายด้านการเกษตรเพิ่มมากขึ้น
ประการที่สี่ พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มจะได้คะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งที่มีการศึกษาและรายได้ต่ า หาก
พรรคประชาธิปัตย์ต้องการขยายฐานเสียงไปยังชนบทที่มีประชากรมีการศึกษาและรายได้ต่ ากว่า การก าหนด
นโยบายสาธารณะจ าเป็นต้องท าให้ประชาชนที่มีการศึกษาต่ าและมีรายได้ต่ าพึงพอใจ
ประการที่ห้า หากปราศจากความสัมพันธ์เชิงพื้นที่หรือความเป็นภูมิภาคนิยมแล้ว เขตเลือกตั้งที่มี
ประชาชนที่เป็นมุสลิมมากมีแนวโน้มจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณจังหวัดนราธิวาส
ยะลา และปัตตานี ที่นับถือศาสนาอิสลาม แนวโน้มจะไม่เลือกพรรคนี้ แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับคะแนน
ส่วนใหญ่แต่ก็ยังไม่ใช่ฐานเสียงที่มีความจงรักภักดี และก็ไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะยังคงเลือกพรรค
ประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคประชาธิปัตย์อาจต้องพิจารณาศึกษาหาสาเหตุแล้วว่าเหตุใดเขต
เลือกตั้งที่นับถือศาสนาอิสลามถึงไม่เลือกพรรคของตน เพื่อหาแนวทางในการเพิ่มส่วนแบ่งคะแนนในพื้นที่ให้ส าเร็จ
ประการที่หก เขตเลือกตั้งที่มีผู้รับราชการสูงมีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคชาติไทย ซึ่งพรรคชาติไทยอาจจะ
พัฒนาอาจจะใช้กลยุทธ์ในการหาเสียงโดยเริ่มที่กลุ่มข้าราชการ พนักงานของรัฐก่อน
ประการที่เจ็ด คนไทยจะเลือกมีนักการเมือง/พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิดและคาดหวังว่าผู้สมัคร
ที่ตนลงคะแนนให้จะชนะด้วย ดังนั้นพรรคการเมืองและนักการเมืองต้องท าให้ประชาชนคล้อยตามมีความคิดทาง
การเมืองตรงกันกับตนในขณะเดียวกันต้องท าให้ประชาชนมั่นใจด้วยว่าตนเองจะชนะการเลือกตั้งด้วยจึงจะท าให้
ประชาชนมั่นใจที่จะลงคะแนนเสียงให้
18.3.2 การน้าผลการวิจัยไปใช้ส้าหรับการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง
การศึกษานี้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ อันได้แก่ ตัวแปรประชากร เศรษฐกิจและสังคม
ภูมิศาสตร์ และพฤติกรรมการเลือกตั้งในอดีต กับ พฤติกรรมการเลือกตั้ง ปี 2554 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถ
น าผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนี้