Page 358 - kpi19903
P. 358
321
2. การน าผลการวิจัยไปใช้ส าหรับองค์กรกลาง
องค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบความโปร่งใสเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ได้คนเก่ง คนดีเข้า
มาเป็นตัวแทนในการบริหารประเทศเพื่อคืนประโยชน์ให้แก่ประชาชนนั้น ต้องมีมาตรการในการตรวจสอบการซื้อ
สิทธิ์ขายเสียงหรือแม้แต่ผลประโยชน์ตอบแทนการเลือกตั้งที่เป็นการได้มาซึ่งอ านาจหน้าที่ในท้องถิ่นภายใต้ระบบ
อุปถัมภ์แบบจริงจัง โดยอาจจะตรวจสอบจากเขตเลือกตั้งที่เป็นฐานเสียงของพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างเข้มข้นถึง
สาเหตุที่พื้นที่ดังกล่าวท าไมถึงยังคงเลือกพรรคการเมืองนั้น ๆ ในทุก ๆ ปี ทั้งนี้องค์กรกลางสามารถใช้ตัวแบบ
ท านายผลการเลือกตั้งนี้ในการทดสอบการทุจริตการเลือกตั้งได้ หรือพื้นที่ที่มีการเลือกตั้งแบบไม่ปกติ เช่น ในพื้นที่
ที่มีการเลือกพรรคหนึ่งอย่างเข้มๆ มีเขตเลือกตั้งบางเขตในกลุ่มนั้นมีผลการเลือกตั้งที่เปลี่ยนจากที่เคยเป็นอย่าง
เห็นได้ชัด อาจจะท าบัตรเสียเพิ่มขึ้น ใช้สิทธิ์ไม่ประสงค์ลงคะแนน ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างผิดปกติ หรือเปลี่ยนไป
เลือกพรรคอื่นแบบถล่มทลายแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ก็อาจจะตรวจสอบถึงสาเหตุของผลที่เกิดขึ้นนั้น ดังที่เคย
เกิดขึ้นในรัฐฟลอริดาซึ่งถือว่าเป็น Swing state และมีความผิดปกติในการเลือกตั้งเกิดขึ้นในบาง County ซึ่งได้มี
การน าสถิติมาตรวจสอบความผิดปกติของผลการเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง
18.4 กำรวิจัยในอนำคต
ประการแรกเนื่องจากผลการพัฒนาตัวแบบท านายผลและพฤติกรรมการเลือกตั้งมีตัวแปรพยากรณ์มาจาก
ทั้งสาขาวิชาพฤติกรรมศาสตร์ จิตวิทยาสังคม สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การเมือง และอื่นๆ และตัว
แบบที่สร้างขึ้นมีความแม่นย าพอสมควรหากแต่ทฤษฎีที่ใช้อธิบายตัวแบบมีความแบ่งแยกไม่เชื่อมโยงกัน
(Fragmented theory) ท าให้ขาดการเชื่อมโยงเหตุผลทางทฤษฎีที่จะน าไปอธิบายตัวแบบปรากฏการณ์การ
เลือกตั้งของไทยที่มีความซับซ้อนอย่างยิ่งได้ ดังนั้นการวิจัยในอนาคตควรเป็นการวิจัยในเชิงคุณภาพเพื่อสังเคราะห์
สร้าง และพัฒนาทฤษฎีใหญ่หรือทฤษฎีภาพรวม (Grand and unified theory) ที่น่าจะมีผลร่วมหรืออันตรกิริยา
(Interaction) ระหว่างตัวแปรข้ามศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยและอธิบายปรากฏการณ์การเมืองและ
การเลือกตั้งของไทยให้ได้ดีขึ้นอย่างบูรณาการในลักษณะของสหวิทยาการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ครอบคลุม
และอ านาจในการพยากรณ์ผลการเลือกตั้งให้ได้ดียิ่งขึ้น
ประการที่สอง การศึกษานี้ขาดการวิเคราะห์เชื่อมโยงการวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกตั้งระดับบุคคลและ
การวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งระดับเขตซึ่งอาจจะมีอันตรกิริยาระหว่างระดับ (Cross-level interaction) ทั้งนี้
เนื่องจากแต่ละคนนั้นซ้อนในเขตเลือกตั้ง ดังนั้นข้อมูลพฤติกรรมการเลือกตั้งของแต่ละคนจึงเป็นข้อมูลระดับหนึ่ง
(ระดับบุคคล) ที่ซ้อนอยู่ในผลการเลือกตั้งและข้อมูลอื่นๆ ของเขตเลือกตั้งอันเป็นข้อมูลระดับสอง (ระดับเขต
เลือกตั้ง) ซึ่งถือว่าเป็นตัวแบบลดหลั่นเชิงชั้นเชิงเส้นแบบวางนัยทั่วไป (Generalized hierarchical linear
models) (Raudenbush & Byrk, 2002) แต่ในการศึกษานี้ไม่อาจจะวิเคราะห์อันตรกิริยาระหว่างระดับได้หรือไม่