Page 169 - kpi19903
P. 169
141
9.3 สถำนภำพกำรท ำงำนกับผลกำรเลือกตั้งในระดับบุคคล
สถานภาพการท างาน เป็นปัจจัยที่บ่งชี้การท างานของประชาชนว่ามีจ านวนชั่วโมงในการท างานในแต่ละ
สัปดาห์มากน้อยเพียงใด ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงการมีกิจกรรมหรือความว่างงานของประชาชน ดังนั้นเมื่อพิจารณา
ร่วมกับพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแล้ว อาจจะช่วยให้ทราบถึงรูปแบบของพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง
ของประชาชนในแต่ละสถานภาพการท างาน
ในการศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากแบบสอบถามซึ่งถามตอบก่อนการเลือกตั้งทั้งหมด แต่กำรศึกษำในหัวข้อนี้ใช้
ข้อมูลจำกแบบสอบถำมที่ถำมประชำชนหลังจำกกำรเลือกตั้ง เนื่องจากในแบบสอบถามก่อนการเลือกตั้งไม่มีการ
ถามสถานภาพการท างานของประชาชนกับพฤติกรรมการเลือกตั้ง ผลการศึกษาแสดงดังตารางที่ 9.3
ในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในระบบเขต ประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคเพื่อไทย โดยที่ผู้มีงานท า
มากกว่า 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เลือกพรรคเพื่อไทยมากถึงร้อยละ 72 และเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อย
ละ 20 ในขณะที่ประชาชนที่มีสถานภาพการท างานน้อยกว่า 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีพฤติกรรมการเลือกผู้สมัคร
จากพรรคเพื่อไทยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 70 และเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 24 ส าหรับ
ประชาชนที่ว่างงาน เกษียณอายุ หรือช่วยงานทางบ้าน เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยร้อยละ 57 และเลือก
ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 38
ในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคเพื่อไทย โดยที่ผู้มีงาน
ท ามากกว่า 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เลือกพรรคเพื่อไทยมากถึงร้อยละ 64 และเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
ร้อยละ 22 ในขณะที่ประชาชนที่มีสถานภาพการท างานน้อยกว่า 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีพฤติกรรมการเลือก
ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 65 และเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 22 ส าหรับ
ประชาชนที่ว่างงาน เกษียณอายุ หรือช่วยงานทางบ้าน เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยร้อยละ 53 และเลือก
ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 38
ผลการทดสอบด้วย Chi-square test of independence พบว่าสถานภาพการท างานไม่เป็นอิสระจาก
พรรคการเมืองที่เลือกตั้งทั้งในระบบแบ่งเขตและในระบบบัญชีรายชื่อ
และเมื่อพิจารณาแผนภาพ Mosaic plot ตามรูปที่ 9.2 จะท าให้เห็นภาพและรูปแบบความสัมพันธ์ของ
สถานภาพการท างานกับพฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะ
เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 65 ถึง 70 อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนที่ว่างงาน
หรือเกษียณอายุ แม่บ้าน หรือลักษณะการท างานในลักษณะเป็นผู้ช่วยเหลือคนในครอบครัว จะมีสัดส่วนการเลือก
ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเหลือเพียงร้อยละ 55 โดยประมาณเท่านั้น และมีสัดส่วนในกลุ่มประชาชนที่เลือกพรรค
ประชาธิปัตย์ เพิ่มมากถึงร้อยละ 40 ในขณะเดียวกันที่ประชาชนที่มีสถานภาพการท างานอย่างจริงจังหรือมีจ านวน