Page 167 - kpi19903
P. 167
139
ตำรำงที่ 9.1 จ านวน ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระหว่างรายได้
ของครอบครัวและพฤติกรรมการเลือกตั้งในระดับบุคคล
N M SD F-test p-value
กำรลงคะแนนเลือกผู้สมัครในระบบเขต
พรรคประชาธิปัตย์ 387 15,252.7 34,648.3 0.02 .982
พรรคเพื่อไทย 568 15,185.6 47,834.3
พรรคอื่น ๆ 377 15,673.8 31,945.4
กำรลงคะแนนเลือกผู้สมัครในระบบบัญชีรำยชื่อ
พรรคประชาธิปัตย์ 391 14,652.0 34,094.7 0.28 .759
พรรคเพื่อไทย 575 15,046.5 47,560.5
พรรคอื่น ๆ 369 16,675.0 32,754.5
9.2 อำชีพกับผลกำรเลือกตั้งในระดับบุคคล
ในการวิเคราะห์ได้จ าแนกกลุ่มของอาชีพออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่ 1) เกษตรกร 2) พนักงาน/ลูกจ้าง
บริษัทเอกชน 3) ประกอบธุรกิจ/กิจการส่วนตัว/ค้าขาย 4) รับจ้างทั่วไป 5) รับราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ
6) ไม่ได้ท างาน/แม่บ้าน โดยประชาชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร (ร้อยละ 54) และมีสัดส่วนของประชาชนที่
ลงคะแนนเลือกผู้สมัครในระบบเขตและบัญชีรายชื่อนั้นไม่แตกต่างกันมาก
ผลการวิเคราะห์ พบว่าร้อยละของประชาชนในทุกสาขาอาชีพมักลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยมากกว่า
พรรคประชาธิปัตย์และอื่น ๆ ดังตารางที่ 9.2 โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นข้าราชการมากกว่าร้อยละ 50 จะนิยม
เลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ในขณะที่ประชาชนที่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปมีแนวโน้มจะเลือกพรรค
ประชาธิปัตย์น้อยที่สุด (ร้อยละ 20) อย่างไรก็ตามในกลุ่มประชาชนที่ไม่ได้ท างานหรือเป็นแม่บ้าน กลับพบว่าจะ
เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและกลุ่มพรรคอื่น ๆ ประมาณร้อยละ 40 แต่สูงกว่าที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาก
ผลการทดสอบ Chi-square test of independence พบว่า อาชีพไม่ได้เป็นอิสระกับการเลือกพรรค
การเมืองทั้งในระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ
หากพิจารณาจากแผนภาพกระเบื้อง (Mosaic plot) อันแสดงค่า Pearson’s residual ดังรูปที่ 9.1
พบว่า
1) ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท าเกษตรกรรม มีแนวโน้มจะเลือกพรรค
ประชาธิปัตย์มากกว่าเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ ทั้งในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ
2) ประชาชนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปมีแนวโน้มจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ
ทั้งในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ