Page 166 - kpi19903
P. 166

138



               และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นหากพิจารณาในระดับบุคคลรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนก็น่าจะมีความสัมพันธ์กับ
               พฤติกรรมการเลือกตั้งเช่นกัน

                       มีงานวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ฯ และพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในระดับ

               ภูมิภาคและระดับบุคคลที่มีความย้อนแย้งกันเองนั่นพบได้ในงานวิจัยหลายเล่มทั้งในการวิจัยต่าง ๆ เช่น Red
               State, Blue State, Rich State, Poor State Why Americans Vote the Way They Do (A Gelman, 2010)

               ที่ศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2000 ถึง 2004 ที่ว่าพบว่าประชาชน

               อเมริกันที่ร่ ารวยมักลงคะแนนเสียงให้พรรค Republican แต่รัฐที่มีรายได้สูงจะมีแนวโน้มเลือกพรรค Republican
               ลดลง

                       ส าหรับประเทศไทยงานวิจัยเลือกเพราะชอบ (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a) ที่ศึกษาพฤติกรรมการ

               เลือกตั้งของไทยใน พ.ศ. 2550 พบว่า ประชาชนแต่ละคนในแต่ละระดับรายได้ครัวเรือนจะมีแนวโน้มในการออกไป
               ใช้สิทธิเลือกตั้งที่ต่างกัน อย่างไรก็ตามในการศึกษาดังกล่าวเป็นการศึกษาหาความต่างของรายได้เฉลี่ยครัวเรือนกับ

               แนวโน้มที่จะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งว่าประชาชนจะออกไปเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ได้พิจารณาว่าประชาชนที่เลือก

               ผู้สมัครแต่ละพรรคจะมีรายได้เฉลี่ยแตกต่างกันหรือไม่
                       การศึกษาในครั้งนี้จะเปรียบเทียบรายได้เฉลี่ยฯ ที่ประชาชนในเลือกผู้สมัครในแต่ละพรรคการเมืองว่ามี

               ความแตกต่างกันหรือไม่ ซึ่งพบว่า ประชาชนที่เลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพรรค    อื่น ๆ ทั้งใน

               ระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ มีรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนไม่แตกต่างกัน โดยประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือก
               ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์จะมีรายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ย 15,200 และ 14,600 บาท ในระบบเขตและบัญชี

               รายชื่อตามล าดับ ส าหรับรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มี

               รายได้ฯ ประมาณ 15,200 และ 15,000 บาท ในระบบเขตและบัญชีรายชื่อตามล าดับ และพบว่าประชาชนที่เลือก
               ผู้สมัครจากพรรคอื่น ๆ ที่เหลือนั้นมีรายได้เฉลี่ยฯ ประมาณ 15,700 และ 16,700 บาท ในระบบเขตและบัญชี

               รายชื่อตามล าดับ เมื่อทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มประชาชนที่เลือกผู้สมัครจากพรรคต่าง ๆ

               พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันทั้งในระบบเขต (F=0.02, p-value=.982) และระบบบัญชีรายชื่อ (F=0.28, p-
               value=.758) รายละเอียดของค่าสถิติที่ทดสอบแสดงในตารางที่ 9.1

                       ผลการวิจัยนี้ค่อนข้างสอดคล้องกับงานของอภิชาติ สถิตนิรามัยที่ไม่ได้พบว่ามีความแตกต่างระหว่าง

               สถานะทางสังคมเศรษฐกิจระหว่างประชาชนที่มีความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกันแต่อย่างใด (อภิชาต สถิต
               นิรามัย et al., 2556a) และไม่สอดคล้องกับงานวิจัยในอดีตที่พบว่าสถานะทางสังคมเศรษฐกิจของขั้วการเมืองไทย

               สองขั้วมีสถานทางสังคมเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ซึ่งพบว่าประชาชนที่สนับสนุนระบบทักษิณและนปช. มีสถานะ

               ทางสังคมเศรษฐกิจอันได้แก่รายได้และการศึกษาต่ ากว่ากปปส. (Siamwalla & Jitsuchon, 2012; The Asia
               Foundation, 2013a, 2014)
   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171