Page 172 - kpi19903
P. 172
144
ทั้งนี้แผนภาพ Mosaic plot (รูปที่ 9.3) แสดงถึงสัดส่วนของประชาชนจ าแนกตามระดับการศึกษาสูงสุด
และพฤติกรรมการไปเลือกผู้สมัครฯ ทั้งในระบบเขตและในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีรูปแบบไม่แตกต่างกัน ยกเว้น
การเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ที่ถ้าหากประชาชนไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนแล้วประชาชนจะมีแนวโน้มเลือก
ผู้สมัครที่มาจากพรรคอื่น ๆ มากที่สุด (ประมาณร้อยละ 47)
รูปที่ 9.3 สัดส่วนของประชาชนระหว่างระดับการศึกษาและพฤติกรรมการเลือกตั้งในระดับบุคคล
9.5 สรุปผลกำรศึกษำปัจจัยทำงสังคมและเศรษฐกิจกับพฤติกรรมกำรเลือกตั้ง: กำรวิเครำะห์ระดับบุคคล
ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจกับพฤติกรรมการเลือกตั้งผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ส าหรับการ
เลือกตั้งใน พ.ศ. 2554 พบว่า อาชีพ ระดับการศึกษา และสถานภาพการท างานของประชาชน น่าจะมีความส าคัญ
ที่ท าให้ประชาชนมีพฤติกรรมการเลือกผู้สมัครแตกต่างกัน
ผู้วิจัยได้จ าแนกกลุ่มของอาชีพออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่ 1) เกษตรกร 2) พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 3)
ประกอบธุรกิจ/กิจการส่วนตัว/ค้าขาย 4) รับจ้างทั่วไป 5) รับราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ 6) ไม่ได้ท างาน/
แม่บ้าน ผลการศึกษาพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท าเกษตรกรรมมากที่สุด และมี
สัดส่วนของประชาชนในแต่ละกลุ่มอาชีพเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมากที่สุด โดยเฉพาะข้าราชการและ
พนักงานรัฐวิสาหกิจที่เลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทย (ประมาณร้อยละ 50) ในขณะที่ประชาชนที่ประกอบอาชีพ
รับจ้างทั่วไปมีแนวโน้มจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์น้อยที่สุด (ประมาณร้อยละ 20) อย่างไรก็ตามในกลุ่มของ
ประชาชนที่ไม่ได้ท างานหรือเป็นแม่บ้านนั้น พบว่าประชาชนในกลุ่มนี้เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและกลุ่ม
พรรคอื่น ๆ ไม่แตกต่างกันมากนัก (ประมาณร้อยละ 40) และจะเลือกสูงกว่าที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาก
ระดับการศึกษาของประชาชนเป็นปัจจัยที่สะท้อนและแสดงถึงทิศทางการพัฒนาของประเทศ เนื่องจาก
หากประชาชนที่มีการศึกษาสูงมักจะมีแนวโน้มที่มีอาชีพและมีรายได้ค่อนข้างดี และจะเป็นก าลังคนในการพัฒนา