Page 42 - kpi19842
P. 42

“กระบวนการเป็นผู้น าแบบทางการและการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไทยภูเขา กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์
                       ชาวไทยภูเขา อ าเภอคลองลาน จังหวัดก าแพงเพชร”  โดย  โอกามา จ่าแกะ  ผศ.ณัฏฐวุฒิ  ทรัพย์อุปถัมภ์  ชลกานดาร์  นาคทิม





                  เสรีภาพ นักคิดในแนวนี้เน้นให้เห็นว่ามีความซับซ้อนของพหุวัฒนธรรม ที่มีมุมมองเรื่องลักษณะลูกผสมทาง
                  วัฒนธรรม และอัตลักษณ์เชิงซ้อน  ดังนั้นแนวความคิดนี้ จึงมองวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายและเลื่อน

                  ไหลได้

                         ความคิดแนวหลังสมัยใหม่ จะเน้นลักษณะลูกผสมทางวัฒนธรรม โดยชี้ให้เห็นว่า อัตลักษณ์

                  สามารถซ้อนทับกันได้ ซึ่งท าให้คนสามารถเป็นสมาชิกหลายๆ ชุมชนได้  ไม่ต้องผูกติดกับความแตกต่างทาง

                  วัฒนธรรมที่ตายตัว ดังที่ พอล  กิลรอย (Paul Gilroy) ได้เสนอว่า ความเป็นชาติพันธุ์เป็นกระบวนการ
                  สร้างอัตลักษณ์ที่ไม่มีวันจบสิ้น (อานันท์, 2551)


                         มีค าถามว่าจะยอมรับความแตกต่างอย่างไร ตัวอย่างในแคนาดา ได้มีการใช้นโยบายพหุวัฒธรรม
                  เพราะที่แห่งนี้มีคนพื้นเมืองดั้งเดิมอาศัยอยู่มาก ซึ่งประเทศแคนาดาปกครองประเทศแบบเสรีนิยม เป็นสิ่ง

                  ที่ง่ายส าหรับการยอมรับความหลากหลายเพราะฐานคิดของรัฐเป็นเสรีนิยม ที่เคารพและยอมรับความ
                  แตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรม จะเห็นได้ว่าในแคนาดา มีการพูดถึงเรื่องสิทธิทางวัฒนธรรมที่แตกต่าง

                  กัน ดังเช่น อาจารย์อานันท์ ได้ยกตัวอย่างกรณีของชาวอินเดียแดง  สามารถใช้พื้นที่ป่าในการล่าสัตว์ หา
                  ปลา หรือหาของป่าที่กระท าไปตามจารีตประเพณีในเขตอุทยานแห่งชาติได้  ยกเว้นคนผิวขาวที่ไม่สามารถ

                  ใช้พื้นที่ได้ การใช้พื้นที่ของชาวอินเดียแดงในเขตอุทยานสามารถกระท าได้เพราะว่า เป็นสิทธิทางวัฒนธรรม

                  ที่มีมาอยู่ก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นจารีต วัฒนธรรมที่ชาวอินเดียแดงอาศัยร่วมกับพื้นที่ป่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึง
                  ความเข้าใจในมิติของวัฒนธรรม หากมองย้อนกลับสู่ประเทศไทย ถ้ารัฐสามารถด าเนินนโยบายได้

                  เช่นเดียวกับแคนาดา ก็คงไม่ต้องไปสร้างความเดือนร้อนกับชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ป่า

                  ดังเหตุการณ์ที่แก่งกระจ่าง ก็เป็นปัญหาจากความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมของคนอื่น จึงท าให้ชาวกะเหรี่ยง
                  ต้องเดือนร้อนถูกอพยพและถูกรังแกจากเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจนั่นเอง


                         ในบทความที่อานันท์กล่าวถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมในมาเลเซีย สิงคโปร์ ว่าถ้าจะเข้าใจเกี่ยวกับ
                  พหุวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ประเด็นแรกที่ต้องเข้าใจคือ ประวัติศาสตร์สมัยอาณานิคมอังกฤษที่

                  อังกฤษเป็นคนสร้างให้เกิดความแตกต่างทางชาติพันธุ์หรือความแตกต่างในสถานภาพด้วย กล่าวคือ อังกฤษ
                  เป็นผู้ที่น าเข้าชาวทมิฬอินเดีย มาเลเซีย และชาวจีน มาเป็นแรงงานให้อังกฤษ ซึ่งอังกฤษได้ก าหนดหรือ

                  มอบหมายให้ท าหน้าที่ตายตัว เช่น ชาวอินเดียท าหน้าที่แรงงานในสวนยาง, คนจีนเป็นแรงงานในเหมืองแร่,
                  ส่วนชาวมาลายูเป็นข้าราชการท าการเกษตร อย่างไรก็ตามเมื่ออังกฤษได้ให้เอกราชแก่มาเลเซียแล้ว จึง

                  กลายเป็นปัญหาใหญ่ในการปกครองประเทศ แต่กระนั้นจากเดิมที่อังกฤษได้จัดระบบแยกส่วนในการท า

                  หน้าที่ในสังคม ท าให้คนมาเลย์ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ปกครองอยู่เดิมแล้ว ได้เข้ามาจัดระบบใหม่ในการปกครอง
                  แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นว่า การจัดระบบการปกครองนั้น ยังเป็นรูปแบบที่ไม่ต่างอะไรจากสมัยอาณานิคม

                  ดังที่อาจารย์อานันท์ได้กล่าวว่า เป็นอาณานิคมภายในที่มีความไม่เท่าเทียมกันในสังคมอย่างเห็นได้ชัด และ

                  เป็นการมองหาประโยชน์จากผู้คนในสังคม ฉะนั้นอาจเข้าใจได้ว่า ความเป็นพหุสังคม
                  ในมาเลเซีย  สิงคโปร์ จะเห็นเป็นการสร้างความแตกต่างเพื่อสร้างความได้เปรียบ ดังนั้นความเป็นพหุสังคม






                                                            41
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47