Page 278 - kpi17968
P. 278
267
หลักการว่ารัฐไม่ควรจะสอดส่องบุคคลและสังคมในระดับที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
และไม่ควรขัดขวางการจัดตั้งทางการเมืองของประชาชนเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง
57
หรือเพื่อมีส่วนร่วมทางการเมือง
กฎหมายปฏิรูปที่ดิน คือ “พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ.2518” เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่ากฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างสอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคม เพราะ
กฎหมายในเรื่องนี้ได้รับการตราขึ้นโดยขาดความเข้าใจในวิถีชีวิตของประชาชน
ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแล้ว กล่าวคือในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เกษตรกร
ต้องพึ่งพิงต่อกลไกการตลาดมากขึ้น ในขณะที่ครอบครัวชาวบ้านเกิดความจำเป็น
ในการใช้เงินเพื่อการต่างๆ มากขึ้นหลายเท่าตัว เช่น การลงทุนในการผลิตเชิง
พาณิชย์และการศึกษาของบุตรหลาน จึงทำให้ เกิดการละเมิดกฎหมายที่ห้าม
เกษตรกรขายที่ดินให้กับเอกชนรายอื่น ทำให้เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน
ตาม “พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518” มักสูญเสีย
ที่ดินไปในที่สุด จุดมุ่งหมายของรัฐในการปฏิรูปที่ดินที่ต้องการให้เกษตรกรที่
ยากจนมีที่ดินทำกินและสร้างความเป็นธรรมในการถือครองที่ดินจึงประสบกับ
ความล้มเหลว 58
กฎหมายเกี่ยวกับ “สิทธิชุมชน” ก็มีปัญหาอย่างเด่นชัด กล่าวคือ ทั้ง
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ต่างก็ได้รับรอง “สิทธิ
ชุมชน” แต่ความคิดเรื่อง “สิทธิชุมชน” ในทางกฎหมายและในคำพิพากษามี
ความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก คือยอมรับ “สิทธิชุมชน” เฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อม
59
แต่ไม่ยอมรับในเรื่องของอำนาจของชุมชนในการจัดการทรัพยากร โดยที่
คำพิพากษาของศาลก็ยึดถือหลักกฎหมายมากกว่าหลักความยุติธรรม ทั้งๆ ที่
57 ทศพล ทรรศนกุลพันธ์, “ผลสะเทือนของอินเทอร์เน็ตต่อปริมณฑลทางกฎหมาย”,
วารสารนิติสังคมศาสตร์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 1/2558 (มกราคม-มิถุนายน), หน้า 168-197.
58 ดามร คำไตรย์, “กฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกับข้อท้าทายที่เปลี่ยนไป”,
วารสารนิติสังคมศาสตร์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 1/2558 (มกราคม-มิถุนายน), หน้า 42-79.
59 บุญชู ณ ป้อมเพชร, “ความเข้าใจว่าด้วย ‘สิทธิชุมชน’ ของนักกฎหมายไทย”, วารสาร
นิติสังคมศาสตร์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 1/2558 (มกราคม-มิถุนายน), หน้า 122-147.
การประชุมกลุมยอยที่ 2