Page 270 - kpi17073
P. 270
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 269
กรณีที่หนึ่ง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ
ของประเทศไทยที่ผ่านมาหลายๆ ฉบับจะกำหนดให้อำนาจการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นของ
รัฐสภา เนื่องจากเป็นตัวแทนของประชาชน และไม่มีการกำหนดบังคับให้ต้องนำร่างแก้ไขเพิ่มเติม
รัฐธรรมนูญนั้นไปผ่านการลงประชามติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ดังนั้น ถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป
ยังคงกติกาเช่นนี้อยู่ ก็ควรเพิ่มข้อกำหนดให้สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนน้อยสามารถร้องให้มีการนำ
ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไปผ่านการลงประชามติได้ เนื่องจากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
มีความสำคัญยิ่งกว่ากฎหมายธรรมดา และเป็นการกำหนดโครงสร้างทางการเมืองการปกครอง
ถ้าหากปล่อยให้อำนาจในการให้ความเห็นชอบแก่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญผูกขาดกับเสียงข้าง
มากในรัฐสภาแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา ก็เท่ากับปล่อยให้เสียงข้างมากในสภาสามารถ
แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ตามใจชอบ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากต่อมามีการกำหนดให้การแก้ไข
เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องผ่านการลงประชามติก่อนมีผลบังคับใช้ ผู้เขียนเห็นว่า
การกระบวนการดังกล่าวนี้ก็ไม่มีความจำเป็น
กรณีที่สอง ประเด็นอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหรือร่างกฎหมายธรรมดา เนื่องจาก
รัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่ผ่านมา มักจะกำหนดให้ประเทศไทยใช้รูปแบบรัฐสภาเป็นแบบ
สภาคู่ คือ มีทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ ไปจะยังคงรูปแบบ
ของรัฐสภาเป็นแบบสภาคู่อยู่ การให้สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนน้อยขอให้มีการลงประชามติได้ก็คง
ต้องสร้างข้อจำกัดทั้งในด้านกติกาการริเริ่มให้มีการลงประชามติ และประเด็นที่จะขอประชามติ
กล่าวคือ ในส่วนของการริเริ่มให้มีการลงประชามตินั้น เพื่อให้ประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วน
น้อยจะขอลงประชามติเป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อประชาชนอย่างแท้จริง ก็ควรกำหนดให้
ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องลงชื่อรับรองด้วยเพื่อป้องกันการนำกลไกดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์
ของพรรคแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนด้านประเด็นการขอให้มีการลงประชามตินั้น ผู้เขียนเห็นว่า
การกำหนดให้ผู้แทนเสียงส่วนน้อยขอให้มีการลงประชามติควรจะเป็นกรณีที่มีการขอยกเลิก
กฎหมาย หรือการให้ความเห็นชอบแก่ร่างกฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากใน
รัฐสภาแล้ว แต่เป็นที่สงสัยว่าอาจขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชน โดยต้องสร้างข้อจำกัดที่ชัดเจน
เช่น กฎหมายหรือร่างกฎหมายใดที่ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะจริงๆ ก็อาจต้องกำหนด
ห้ามไม่ให้ขอให้มีการลงประชามติแบบมีผลผูกพัน เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน กฎหมายเรื่อง
การเวนคืน (แต่อาจขอประชามติแบบไม่มีผลผูกพัน (ประชาพิจารณ์) ได้ หรืออาจใช้กลไกอื่นใน
การตรวจสอบแทน) เป็นต้น
ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อที่ผ่านมารัฐธรรมนูญเคยกำหนดให้สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนน้อยสามารถ
ขอให้มีการนำร่างกฎหมายไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้แล้ว ถ้าหาก
รัฐธรรมนูญฉบับต่อไปยังกำหนดกลไกดังกล่าวไว้อีก ผู้เขียนเห็นว่า ควรจะกำหนดเป็นเงื่อนไข
เพิ่มเติมให้กลไกดังกล่าวนี้ต้องถูกบังคับใช้ก่อน กล่าวคือ กำหนดให้ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ
วินิจฉัยก่อน จึงจะนำร่างกฎหมายนั้นไปขอประชามติได้ เนื่องจากถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
แล้วว่าร่างกฎหมายนั้นมีเนื้อหาหรือกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ร่างกฎหมายนั้นก็ต้อง
ตกไปอยู่แล้ว การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2