Page 269 - kpi17073
P. 269
268 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
ลงชื่อรับรองด้วยนี้ ผู้เขียนเห็นว่าอาจเป็นการป้องกันไม่ให้เสียงส่วนน้อยใช้กลไกดังกล่าวโดยคำนึง
ถึงผลประโยชน์ของพรรคตนแต่เพียงอย่างเดียวจนประสบปัญหาเหมือนอย่างกรณีประเทศ
สโลวิเนีย
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
จากที่ศึกษามาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า การให้ผู้แทนเสียงส่วนน้อยในสภาสามารถริเริ่มให้มี
การลงประชามติได้นั้น เป็นกลไกที่จำเป็นในกรณีที่ประเทศนั้นๆ ใช้รูปแบบรัฐสภาเป็นแบบสภา
เดี่ยว เนื่องจากไม่มีสภาที่สองคอยกลั่นกรองกฎหมาย จึงต้องให้อำนาจผ็แทนเสียงส่วนน้อย
ในสภา (พรรคฝ่ายค้าน) มีอำนาจตรวจสอบถ่วงดุลที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการจะนำกลไกดังกล่าวมา
ใช้ในประเทศไทยนั้น เนื่องจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มักจะกำหนดให้ใช้ระบบสภาคู่ คือ มีสภา
ผู้แทนราษฎร และมีวุฒิสภาคอยทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าหากจะสร้างกลไก
ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องพิจารณาว่าจำเป็นจริงๆ หรือไม่ และถ้าหากเห็นว่าจำเป็น ก็ต้องสร้าง
ข้อจำกัดที่ชัดเจน ถ้ากำหนดเป็นกติกาเพียงว่าเรื่องใดบ้างห้ามลงประชามติเหมือนอย่างกรณี
ประเทศเดนมาร์กหรือประเทศอัลเบเนีย ผู้เขียนเห็นว่าคงจะไม่เหมาะสม เพราะอาจทำให้การออก
กฎหมายยิ่งล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐธรรมนูญฉบับเดิมก็กำหนดให้ผู้แทนเสียงส่วนน้อยใน
สภาสามารถนำร่างกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีเนื้อหาหรือกระบวนการที่ชอบหรือ
ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้อยู่แล้ว กรณีที่เห็นว่าจะมีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการดังกล่าว
ก็เห็นจะมีเพียงแค่กรณีที่ร่างกฎหมายนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งเนื้อหาและกระบวนการ แต่เป็น
ที่น่าสงสัยว่าอาจจะขัดหรือแย้งต่อเจตนารมณ์ของประชาชนเท่านั้น
อนึ่ง นายทศพล เชี่ยวชาญประพันธ์ และนางสาวทิพย์ศริน ภัคธนกุล เคยกล่าวไว้ในบทความ
เรื่อง “Empowering Direct Democracy through a Referendum to Counter-Balance : the
Majority in the House of Representatives of Thailand” โดยเสนอให้ผู้แทนเสียงส่วนน้อย
สามารถขอให้มีการลงประชามติได้ โดยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ
สามารถขอให้มีการลงประชามติได้ โดยมีข้อจำกัดคือ ห้ามเกิน 2 ประเด็นในหนึ่งสมัยของ
44
รัฐสภา ซึ่งผู้เขียนเห็นด้วยกับหลักการที่ได้มีการเสนอ แต่ผู้เขียนยังตั้งข้อสังเกตในเรื่องความ
เหมาะสมของข้อจำกัดที่กำหนดเป็นจำนวนครั้งในหนึ่งสมัยรัฐสภา เนื่องจากถ้าหากในสภาสมัยนั้น
ออกกฎหมายที่กระทบต่อประชาชนในเรื่องสำคัญค่อนข้างมาก หรือดำเนินการอะไรที่เป็นที่น่า
สงสัยว่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนค่อนข้างมากแล้ว การจำกัดจำนวนครั้งก็อาจทำให้
ไม่ตรงกับจุดประสงค์เดิมของการสร้างกลไกดังกล่าว คือ ต้องการให้มีการลงประชามติเพื่อ
ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอ แยกออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2 a Referendum to Counter-Balance the Majority in the House of Representatives of Thailand. Retrieved
Thosaphon Chieocharnpraphan and Thipsarin Phaktanakul. Empowering Direct Democracy through
44
September 1, 2014, from http://www.thaiworld.org/enn/thailand_monitor/answera.php?question_id=1332.