Page 238 - kpi17073
P. 238

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   237


                      วินัยของพรรคนั้นหมายถึงการทำให้การทำงานของผู้แทนฯ ในสภานั้นควรเป็นไปในแบบ
                      กลุ่มก้อนพรรคการเมืองมากกว่าการแสดงออกแบบส่วนบุคคล และที่สำคัญพฤติกรรมการ

                      ลงคะแนนเสียงแบบเป็นกลุ่มก้อนนี้ถือได้เป็นปทัสฐาน (Norm) ของการทำงานของพรรคการเมือง
                      ในระบบการเมืองแบบระบบรัฐสภา ในส่วนของความเป็นระเบียบวินัยในการลงมติของพรรค
                      เป็นการแสดงการสนับสนุนฝ่ายบริหารที่มาจากพรรคของตนเองและการดำรงเสถียรภาพและ

                      ความมั่นคงของรัฐบาล (Governmental Stability) ความเป็นระเบียบวินัยในการลงมติมีความ
                      สำคัญเป็นอย่างมากต่อพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาลเพราะหัวใจของการเป็น

                      พรรคแกนนำรัฐบาลในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ คือ การสนับสนุนฝ่ายบริหารที่มาจากพรรคของ
                      พวกตน การลงมติที่ผิดแผกไปจากมติพรรคจะทำให้การมีสถานะการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล
                      หรือร่วมรัฐบาลดำรงอยู่ต่อไปหรือจบลงหลังจากการลงมติได้สิ้นสุดลง ทั้งนี้เนื่องจากการพ่ายแพ้

                      ในผลการลงมติในเรื่องที่สำคัญๆ เช่น ร่างกฎหมายที่พรรคได้หาเสียงไว้ ร่างกฎหมายที่แสดงให้
                      เห็นถึงจุดยืนด้านนโยบาย และที่สำคัญที่สุดคือ การลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

                      (Vote of Confidence) ย่อมหมายถึงการหมดความชอบธรรมในการเป็นพรรครัฐบาล
                      (Davidson-Schmich, 2006; Kam, 2009)


                            แต่ในทางปฏิบัติในกรณีของหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว ความเป็น
                      ระเบียบวินัยในพรรคการเมือง (Party Discipline) กลับนำไปสู่การทำงานที่ ส.ส. ไม่ได้ทำหน้าที่

                      ผู้แทนประชาชนได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุของการไร้อิสระในการทำงานและ
                      การแสดงพฤติกรรมในสภา เพราะในการทำให้เกิดความเป็นระเบียบวินัยในพรรคการเมืองนั้น
                      การรวมศูนย์อำนาจของการจัดการในพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่จำเป็น


                            ที่สำคัญ การมีพฤติกรรมของ ส.ส. ที่จัดว่าเป็นพฤติกรรมที่มีระบียบวินัยตามที่กำหนด

                      โดยพรรคนั้นเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในความต้องการในการ “ลงเลือกตั้ง” อีกครั้งหนึ่ง เพราะ
                      รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่าการจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นั้น ผู้ลงสมัครจะต้องสังกัด
                      พรรคการเมือง ดังนั้น การที่นักการเมืองคนหนึ่งจะสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งไดนั้น จะต้องผ่าน

                      กระบวนการสรรหาคัดเลือกจากพรรคการเมืองที่สังกัด ซึ่งการตัดสินใจในกระบวนการนั้น ก็จะ
                      หนีไม่พ้นการตัดสินใจของกลุ่มที่เรียกว่า “กลุ่มที่กุมบังเหียนพรรค” (Party Machine) โดย

                      ธรรมชาติแล้วการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคของบุคคลนั้นมีนัยในทางหนึ่งว่าตนได้เข้าใจและพร้อม
                      ปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินงานในทางนโยบายและการเมืองของพรรค


                            ยิ่งการเป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยแล้วนั้น การแสดงออกหรือเคย
                      แสดงออกว่าในการทำหน้าที่ในรัฐสภานั้นบุคคลนั้นๆ ได้มีระเบียบวินัยและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

                      กับความต้องการของพรรคดังนั้น การมีพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาและที่ผิดไปจากปทัสฐาน
                      (Norm) ของการทำงานของพรรคจึงส่งผลต่อการพิจารณาเพื่อส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะ
                      ฉะนั้น การคัดเลือกผู้สมัครจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดที่จะป้องกันให้บุคคล/สมาชิก ประเภทที่อาจ

                      จะก่อปัญหาให้เกิดขึ้นในอนาคตได้ไม่สามารถจะเข้ามาสู่สภาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในบางกรณี
                      พรรคการเมืองอาจเขียนข้อบังคับในพฤติกรรมทำนองนี้ไว้ในข้อบังคับและใบสมัครพรรคในคราว                  การประชุมกลุ่มย่อยที่ 2

                      เดียวกัน (Bowler, Farrell and Katz, 1998)
   233   234   235   236   237   238   239   240   241   242   243