Page 122 - kpi17073
P. 122
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 121
“ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา”
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24
มิถุนายน 2475 ประเทศสยามก็มิได้เปลี่ยนระบอบประมุขของรัฐมาเป็นประธานาธิบดีและ
เปลี่ยนประเทศมาเป็นสาธารณรัฐแต่อย่างใดทั้งที่สามารถจะกระทำได้เนื่องจากในระยะเวลานั้น
คณะราษฎรมีอำนาจทางการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสมบูรณ์ (absolute power) ก็ตาม แต่
คณะราษฎรก็ยังยืนยันอย่างแน่วแน่ว่าประเทศสยามจะต้องมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมทั้งได้กราบบังคมทูลเชิญให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า-
เจ้าอยู่หัวให้ทรงครองราชย์เป็นองค์พระประมุขของประเทศสยามภายใต้รัฐธรรมนูญต่อไป เพราะ
คณะราษฎรได้เล็งเห็นความสำคัญของการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติ
เป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี เมื่อพระบามสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศสละราชสมบัติเมื่อ
วันที่ 2 มีนาคม 2477 ซึ่งพระองค์มิได้ทรงตั้งองค์รัชทายาทไว้ คณะรัฐมนตรีซึ่งมีคณะราษฎร
หนุนหลังอยู่ก็ไม่ลังเลที่เปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของสยามเป็นสาธารณรัฐแต่อย่างใด คณะ
รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรได้อัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานัน-
ทมหิดล (พระยศในขณะนั้น) ขึ้นครองราชย์สืบพระราชสันตติวงศ์ทันทีทันใด ทั้งนี้
เนื่องจากวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดลทรงเป็นเจ้านายลำดับที่ 1 ในบัญชีลำดับสืบราช
สันตติวงศ์ ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ดังข้อความ
19
ตอนหนึ่งในการอภิปรายถึงคุณสมบัติของพระมหากษัตริย์ไว้ ความว่า
“สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจเลือกเจ้านายพระองค์ใดก็ได้หากเจ้านายพระองค์นั้นทรงมี
คุณสมบัติดังนี้ (1) ทรงเลื่อมใสในระบอบรัฐธรรมนูญ (2) ทรงเป็นผู้มีวิทยาคุณ รอบรู้
ประวัติศาสตร์ในการปกครองมนุษยชาติ (3) ทรงมีความรู้ในวิชาทหารบกหรือทหารเรืออย่าง
น้อยในตำแหน่งชั้นสัญญาบัตร (4) ทรงมีพระอุปนิสัยรักใคร่ราษฎรและเป็นที่นิยมนับถือของ
ประชาชนทั่วไป (5) ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว ... ในข้อ 4 เป็นประการสำคัญที่สุดในความวัฒนา
ถาวรของชาติและความมั่นคงแห่งราชบัลลังก์ พระมหากษัตริย์จะต้องทรงเป็นผู้เห็นความทุกข์
ยากของราษฎร และทรงเผื่อแผ่อารีรักในปวงประชาชาติ หากพระองค์ไร้คุณสมบัติดังกล่าวแล้ว
พงศาวดารของเราจะบอกให้รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในภายหน้า ... ความจงรักภักดีระหว่างพระมหา
กษัตริย์กับราษฎรจะต้องกลมกลืนสัมพันธ์ดุจลูกโซ่” 20
19 สภาผู้แทนราษฎร, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, ครั้งที่ 33/2477 สมัยที่ 2 (ประชุมวิสามัญ) วันที่
6-7 มีนาคม พ.ศ. 2477 รัฐบาลเสนอเป็นญัตติด่วนและขอให้สภาผู้แทนราษฎรประชุมลับ เรื่องพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละพระราชสมัติและการเลือกตั้งพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่, กรุงเทพมหานคร : สภา
ผู้แทนราษฎร, 2477, หน้า 2364. การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1
20 เพิ่งอ้าง, หน้า 2336-2338.