Page 121 - kpi17073
P. 121

120     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16


                  เกิดความสำนึกในการทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ และเป็นกองกำลังสนับสนุนกองทัพของชาติ
                  ยามเกิดศึกสงคราม ซึ่งพระองค์ทรงได้แบบอย่างมาจากระบบลูกเสือของอังกฤษ (British boy

                  scout) ซึ่งริเริ่มโดย Sir Robert Baden-Powell (1857-1941) ซึ่งทรงเล็งเห็นว่าระบบลูกเสือจะ
                  เป็นการสร้างจิตสำนึกในความรักชาติและเสียสละเพื่อชาติให้กับเยาวชนผู้ซึ่งจะเป็นกำลังของชาติ
                  ในอนาคตได้ ตามที่พระองค์ได้ทรงซึมซับมาจากเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงรับการศึกษาในประเทศ

                  อังกฤษ พระองค์ทรงมีพระกุศโลบายปลูกจิตสำนึกในการรักชาติ การสร้างความเป็นอันหนึ่งอัน
                  เดียวกันที่จะเป็นพลังของแผ่นดิน (power of the nation) ด้วยวิธีการที่หลากหลายแยบยล อาทิ

                  บทละคร บทเพลง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน หนังสือ บทความ ฯลฯ ดังจะเห็นได้จากพระบรม-
                  ราโชวาทในคำกลอนของพระองค์ตอนหนึ่งว่า


                         “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น                   จะสามารถป้องกันขันแข็ง
                       ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง                       จะยุทธแย้งก็จะปลาตไป

                       ขออย่างเดียวผองไทยอย่างผลาญญาติ         ร่วมชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่
                       ไทยอย่างมุ่งร้ายทำลายไทย                     จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง
                         ให้นานาภาษาเขานิยม                   ชมเกียรติยศฟูเฟื่อง

                       ช่วยกันบำรุงความรุ่งเรือง                    ให้ชื่อไทยกระเดื่องทั่วโลกา
                       ช่วยกันเต็มใจใฝ่ผดุง                         บำรุงทั้งชาติศาสนา

                       ให้อยู่จนสิ้นดินและฟ้า                      วัฒนาเถิดไทยไชโย”

                       พระองค์ทรงนำเอาปัญหาความแตกสามัคคีของคนในชาติในอดีตกาลสมัยที่กรุงศรีอยุธยา

                  เป็นราชธานีของรัฐไทยและต้องเสียกรุงให้กับพม่าถึง 2 ครั้งมาเป็นบทเรียนสำหรับคนไทย        18
                  โดยทรงนำเอาปัญหาการสูญเสียเอกราชของแคว้นในชมภูทวีปสมัยพระพุทธกาลมาทรงประพันธ์

                  เป็นกลอนเพื่อสอนให้คนไทยได้เข้าใจว่าความอิจฉาริษยาเป็นต้นเหตุของความหายนะของประเทศ
                  ชาติ ดังคำกลอนตอนหนึ่งว่า


                         “... แม้เราริษยากันและกัน                  ไม่ช้าพลันจะพากันฉิบหาย
                       ระวังการยุยงส่งร้าย                         นั่นแหละเครื่องทำลายความสามัคคี

                       คณะใดศัตรูผู้ฉลาด                        หมายมาดทำลายให้เร็วรี่
                       ก็ยุแยกให้แตกสามัคคี                         เช่นกษัตริย์ลิจฉวีวงศ์โบราณ
                         พราหมณ์ผู้เดียวรับใช้ไปยุแหย่            สาระแนยุญาติให้แตกฉาน

                       จนเวลาศัตรูจู่ไปราน                         มัวเกี่ยงกันเสียการเสียนคร
                       ฉะนั้นไซร้ขอไทยจงร่วมรัก                   จงร่วมสมัครสโมสร

                       เอาไว้เผื่อเมื่อมีไพรีรอน                      จะได้สู้ดัสกรด้วยเต็มแรง”


                       และอีกตอนหนึ่งทรงเตือนสติให้คนไทยรู้สึกว่าถ้าประเทศชาติต้องตกเป็นเมืองขึ้นของ
        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1   ชนชาติอื่นแล้ว คนไทยจะหมดศักดิ์ศรีของความเป็นไท หมดคุณค่า ถูกดูหมิ่นดูแคลนจากชนชาติ

                  ที่เข้ามาครอบครอง ดังกลอนบทหนึ่งของพระองค์ที่ว่า




                    18
                        กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งแรกใน พ.ศ. 2112 และครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310
   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126