Page 55 - kpi16607
P. 55
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
“การถอนตัวจากการเมือง” (military withdrawal from politics) หรือระบอบ
ทหารอยู่ในสภาพการ “ถดถอย” (retreat) ทางการเมืองมากกว่า แม้จะมีกองทัพ
ในบางประเทศประสบความสำเร็จในการทำรัฐประหารในโลกร่วมสมัยก็ตาม
ดังจะเห็นได้จากสถิติว่าหลังจาก พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) รัฐประหารเกิดขึ้น
ส่วนใหญ่ในประเทศที่การเมืองไร้เสถียรภาพ เช่นในทวีปแอฟริกา แต่ในภูมิภาคที่
กองทัพเคยมีบทบาทอย่างมากเช่นในละตินอเมริกาหรือในเอเชีย การยึดอำนาจ
กลับกลายเป็น “สิ่งล้าสมัย” ที่ไม่พบเห็นอีกในเวทีการต่อสู้ทางการเมือง และ
ในภูมิภาคนี้กลับพบว่าการเมืองได้ก้าวเดินเข้าสู่กระบวนการสร้างความเข้มแข็ง
ของระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อน่าสังเกตว่าในช่วงเวลาปัจจุบัน
ประเทศไทยกลับต้องเผชิญกับการรัฐประหารถึง 2 ครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
คือในปี พ.ศ. 2549 และ พ.ศ. 2557 จนเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่มีสถิติ
การรัฐประหารถึง 2 ครั้งในช่วงเวลาหลังจากปี 2543 (ค.ศ. 2000) ดังได้กล่าว
แล้วว่า รัฐประหารหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา
(ดูภาคผนวก) 4
ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราจะอธิบายอย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมการเมืองไทย...
ทำไมการเมืองไทยจึงไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรแห่งการยึดอำนาจของทหารได้
หรือทำไมระยะเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของไทยจึงกลายเป็นกระบวนการที่
ไม่สิ้นสุด และต้องหวนกลับมาตั้งต้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเป็นเรื่องราวกับว่า
ประชาธิปไตยไทยเดินทางอยู่ใน “เขาวงกต” ที่วิ่งวกวนไปมา และยังหาทางออกที่
เดินไปสู่จุดหมายปลายทางของการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบอบประชาธิปไตย
เช่นที่เคยเกิดขึ้นและเดินไปจนสุดทางได้ในหลายๆ ประเทศ... เราจะอธิบาย
ปรากฏการณ์เช่นนี้อย่างไร ?... ทำไมประชาธิปไตยไทยจึงเดินอยู่ในสภาพที่เป็น
ดัง “เขาวงกต” อยู่เช่นนี้ หรือว่าในเขาวงกตนี้มีทหารเป็นดัง “ผู้พิทักษ์” ที่จะไม่
อนุญาตให้ประชาธิปไตยเดินหลุดออกมาจากประตูแห่งขุนเขานี้ได้
สถาบันพระปกเกล้า