Page 53 - kpi16607
P. 53
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ที่เกิดขึ้นและควบคุมไม่ได้นั้น มักจะเป็นเสมือนการออก “บัตรเชิญ” ให้กองทัพ
กลับเข้าสู่เวทีการเมืองแทบทุกครั้งไป เพราะอำนาจทางการเมืองของทหารไม่เคย
ถูกทำลายไปได้แต่อย่างใด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ระบอบการเมืองแบบ
การเลือกตั้งของไทยอยู่ในสภาวะที่อาจเกิดสภาพที่ทฤษฎีเรียกว่า “การล้มลงของ
ระบอบประชาธิปไตย” (democratic-regime breakdown) ได้ง่าย อันเป็นผลจาก
การที่อิทธิพลและอำนาจของกองทัพไม่ได้ถูกทำลายลงจนกองทัพกลายเป็นตัว
แสดงที่ไม่มีศักยภาพทางการเมือง เช่นกองทัพในประเทศประชาธิปไตยหลายๆ
ประเทศ ที่หมดสภาพของการเป็น “ตัวแสดงทางการเมือง” ที่มีศักยภาพในสังคม
ไปแล้ว
ดังนั้น เมื่อกองทัพไทยเป็น “อมตะ” ในการเมืองของประเทศ ระยะเปลี่ยน
ผ่านทางการเมืองจึงไม่สามารถเดินไปจนถึงจุดสิ้นสุด กล่าวคือไม่สามารถนำไปสู่
จุดของ “การสร้างความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย” (democratic
consolidation) ที่มีเงื่อนไขสำคัญว่า “ประชาธิปไตยเป็นเกมเดียวในเมือง”
2
(Democracy is the only game in town.) ซึ่งก็คือการที่ทุกฝ่ายในเวทีการต่อสู้ 4
ทางการเมืองยอมรับอย่างชัดเจนว่า “กฎกติกาประชาธิปไตยเป็นเกมการต่อสู้แบบ
เดียว” ในระบอบการเมืองของประเทศ และการยอมรับเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่
จำเป็นต้องหันไปพึ่ง “อำนาจนอกระบบ” หรือกล่าวในบริบทของทหารกับการเมือง
ได้ว่า ทุกคนยอมพึ่ง “หีบบัตรเลือกตั้ง” (ballot box) มากกว่าจะพึ่ง “ดาบปลาย
ปืน” (bayonet) หรือเปรียบเทียบในบริบทไทยได้ว่า ทุกคนอาศัย “รถหาเสียง”
พาตัวเองขึ้นสู่การเป็นรัฐบาล ไม่ใช่การต้องอาศัย “รถถัง” พาตัวเองไปทำเนียบ
รัฐบาล !
2 Guiseppe Di Palma, To Craft Democracies: An Essay on Democratic
Transitions
(Berkeley: University of California Press, 1990) ; Adam Przeworski,
Democracy and the Market: Political and Economic Reforms in Eastern Europe
and
Latin
America (Cambridge: Cambridge University Press, 1991) ; Juan J. Linz
and Alfred Stepan, Problems of Democratic Transition and Consolidation:
Southern Europe, South America, and Post-Communist Europe (Baltimore: Johns
Hopkins University Press, 1996).
สถาบันพระปกเกล้า