Page 121 - kpi16607
P. 121
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ในสังคม เนื่องจากประเทศในละตินอเมริกาประสบปัญหาคล้ายๆ กับประเทศ
3
ไทยคือ มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สูงมาก แต่การใช้นโยบายประชานิยมทำให้
รัฐใช้จ่ายเกินตัว จนเกิดปัญหาวิกฤติหนี้ภาครัฐ และวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้
เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ ประเทศเหล่านี้มักต้องไปขอความช่วยเหลือ
ทางการเงินจากภายนอก เช่น IMF ซึ่งทำให้ถูกบังคับให้รัดเข็มขัดและต้องดำเนิน
นโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อน และเกิดเสียง
เรียกร้องให้รัฐบาลกลับมาใช้นโยบายประชานิยมอีกครั้ง นอกจากนี้ หลายประเทศ
ในละตินอเมริกายังประสบปัญหาทางการเมืองจากการมีรัฐประหาร ซึ่งส่วนหนึ่ง
อาจเนื่องมาจากการที่นโยบายประชานิยมทำให้เกิดการโอนถ่ายทรัพยากรขนาน
ใหญ่จากคนกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่มหนึ่ง โดยหากผู้เสียประโยชน์เป็นผู้มีอำนาจ
ทางการเมืองเช่น คนที่มีรายได้สูง ก็จะเกิดแรงกดดันให้มีการ “ล้มกระดาน”
ด้วยการรัฐประหาร
ที่ผ่านมาข้างต้น ผู้เขียนได้กล่าวถึงปัจจัยด้านอุปสงค์ (demand-side
factor) ของนโยบายประชานิยมว่า ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง จะมีแรงกดดัน 113
ให้รัฐบาลใช้นโยบายประชานิยม แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกประเทศที่มีความ
เหลื่อมล้ำสูง จะใช้นโยบายประชานิยมเสมอไป นอกจากนี้ ในประเทศเดียวกัน
เช่น ประเทศไทย ก็ไม่ได้ใช้นโยบายประชานิยมอย่างเข้มข้นตลอดเวลา ทั้งนี้
เนื่องจากกลไกด้านสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยด้านอุปทาน
(supply-side factor) ของนโยบายประชานิยมมีความแตกต่างกันในแต่ละ
ประเทศ หรือแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา
ในกรณีของประเทศไทย มักกล่าวกันว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดนโยบายประชานิยม เนื่องจากเหตุผล
อย่างน้อย 2 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง รัฐธรรมนูญดังกล่าวทำให้ฝ่ายบริหาร
โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีมีความเข้มแข็งมากขึ้น จากเดิมที่ฝ่ายบริหารมักเป็น
3 ในทางเศรษฐศาสตร์มีการวัดระดับความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ด้วยสัมประสิทธิ์จินี่ (Gini
coefficient) โดยที่หากสัมประสิทธิ์นี้สูงหมายความว่า มีความเหลื่อมล้ำสูง สัมประสิทธิ์ดังกล่าว
ของไทยอยู่ที่ระดับประมาณ 40 ซึ่งแสดงถึงระดับความเหลื่อมล้ำท่าสูงมาก แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับ
ประมาณ 50 ของประเทศในละตินอเมริกา
สถาบันพระปกเกล้า