Page 314 - kpi16531

นวัตกรรมการพัฒนารายได้ 2
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

กับเอกชนตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 87 และรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2550 มาตรา 84 (1) 37
ดังนั้น เพื่อให้การจัดบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความชัดเจนในประเด็นปัญหา

การดำเนินการแข่งขันกับเอกชนมากขึ้นจึงอาจมีมาตรการทางกฎหมายในสองเรื่อง คือ

< การตรากฎหมายและแนวทางเพื่อกำหนดความหมาย หลักการ และแนวทาง
วินิจฉัย “การแข่งขันแข่งกับเอกชน” ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครอง

ส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางและกรอบการดำเนินงาน โดย
อาจตั้งหน่วยงานหรือคณะกรรมการกลางที่เป็นอิสระและมีความเชี่ยวชาญ เพื่อกำกับ
ดูแล วินิจฉัย และวางหลักเกณฑ์การแข่งขันแข่งกับเอกชนต่อหน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

< การยกเลิกและการวางแนวทางที่ให้สิทธิพิเศษที่สร้างความได้เปรียบเหนือ
เอกชนในกิจการที่แข่งขันกับเอกชนของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครอง

ส่วนท้องถิ่น คือ ควรยกเลิกมาตรการทางกฎหมายและระเบียบที่สร้างความได้
เปรียบในการแข่งขันกับเอกชนของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อสร้างการแข่งขันให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า เว้นแต่ในกรณีที่อาจจะ

กระทบต่อประโยชน์สาธารณะที่รัฐอาจให้สิทธิพิเศษได้ แต่การให้สิทธิพิเศษนี้ต้องมี
แนวทางที่ชัดเจน

3) แก้ไขมาตราเกี่ยวกับกิจการพาณิชย์ในกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครอง

ส่วนท้องถิ่นทุกฉบับหรือออกกฎหมายเกี่ยวกับกิจการพาณิชย์ขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น

เพื่อให้การดำเนินบริการสาธารณะในรูปแบบกิจการพาณิชย์ขององค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ควรมีการตรากฎหมายเกี่ยวกับกิจการพาณิชย์และกิจการเพื่อสังคมของ

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อกำหนดเป็นแนวทางในการกำหนดประเภทบริการสาธารณะและรูป
แบบของกิจการพาณิชย์ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถทำได้ เนื่องจากในต่างประเทศได้มีการ
ตรากฎหมายในลักษณะนี้ด้วย เช่น กฎหมาย Localism Act 2011 ของสหราชอาณาจักร กฎหมาย

Local Public Enterprises Act 1980 แก้ไขเพิ่มเติมค.ศ.1992 ของประเทศเกาหลีใต้ และ Local
Public Enterprise Law 1952 Local Incorporated Administrative Agency Act 2003 กับ Local
Housing Corporation Act 1965 ของประเทศญี่ปุ่น

37 เนื่องจากปัญหาการตีความแข่งขันกับเอกชนกระทบต่อการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐนอกเหนือจากองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยเช่น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจไม่สามารถตั้งบริษัท
ในเครือเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์เพราะอาจเข้าข่ายแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่เป็นการ
ประกอบกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการไปรษณีย์ โดยเป็นการใช้ทรัพย์สินที่ไปรษณีย์ไทย หรือบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้น
มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนอกเหนือจากการใช้ประโยชน์ในการให้บริการไปรษณีย์ และประโยชน์ที่ได้รับจาก
การประกอบกิจการดังกล่าวนั้น เป็นการช่วยลดต้นทุนการให้บริการไปรษณีย์ซึ่งประชาชนผู้ใช้บริการจะเป็นผู้ได้รับ

ประโยชน์โดยตรงแล้วจึงไม่เข้าข่ายกับเอกชน (สำนักข่าวอิสรา 2556)