Page 315 - kpi12821
P. 315

ณรงค์เดช  สรุโฆษิต




                                    -  นายห้าจัดรถขนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

                                    -  นายหกซื้อเสียงในเขตเลือกตั้งของตน
                                    -  นายเจ็ดซื้อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งยกหน่วยและเปลี่ยน
                                      หีบบัตรเลือกตั้ง
                                    -  นายแปดเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งการในทางลับ
                                      ให้ข้าราชการในท้องที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สมัครจากพรรคตน

                                      และติดตามจับกุมผู้สมัครจากพรรคคู่แข่ง

                               แม้มาตรา 237 วรรคหนึ่งจะมีวลี “ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไป

                    โดยสุจริตและเที่ยงธรรม” กำกับไว้ และศาลรัฐธรรมนูญก็พยายามอธิบายในทำนองว่า
                                                 137
                    เฉพาะกรณีที่เป็น “เรื่องร้ายแรง”  เท่านั้นที่จะถือเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค แต่ศาล
                    กลับตีความว่า การซื้อเสียงทุกกรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ว่าประโยชน์โดยตรงของการ

                    ซื้อเสียงคือคะแนนเสียงนั้นจะตกอยู่แก่เฉพาะผู้สมัครหรือรวมไปถึงพรรคการเมืองนั้น
                    ด้วย ไม่ว่าผู้สมัครจะกระทำคนเดียวหรือร่วมกระทำหลายคน ตรงจุดนี้เองที่ถูกวิพากษ์
                    วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นมาตรการบังคับที่รุนแรงเกินไป และส่งผลกระทบในวงกว้างถึง
                    ผู้ที่มิได้มีส่วนใดๆ ในกระทำผิดด้วยเลยแม้แต่น้อย


                               เมื่อพิจารณาสภาพปัญหาการเมืองไทยประกอบกับหลักการเป็น “ข้อ
                    ยกเว้น” ในการยุบพรรคการเมืองอันเป็นที่ยอมรับในนานาอารยประเทศแล้ว ผู้วิจัยจึง
                    ขอเสนอไว้ในเบื้องต้นว่า การกระทำที่จะถือเป็นเหตุยุบพรรคการเมืองได้นั้นต้อง

                    เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งที่มี (1) ลักษณะพฤติการณ์ที่ร้ายแรงโดยสภาพ และ
                    (2) พฤติการณ์ที่มีจำนวน ปริมาณ ความถี่สูง ครอบคลุมวงกว้าง จนทำให้เกิดผลกระทบ
                    ที่รุนแรง อันจะถือได้ว่า เป็นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ
                    โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ 138


                       137   คดีพรรคชาติไทย, เรื่องเดิม, น. 98; คดีพรรคมัชฌิมาธิปไตย, เรื่องเดิม, น. 17; คดีพรรคพลังประชาชน,
                    เรื่องเดิม, น. 24.

                       138   แท้ที่จริงข้อความดังกล่าวสมควรต้องหมายถึง การรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศ อันเป็น
                    ความผิดฐานกบฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 แต่น่าแปลกใจ ศาลในระบบกฎหมายไทยกลับไม่
                    ตะขิดตะขวงใจในการยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหาร ที่ผ่านมา มีผู้พิพากษาเพียงท่านเดียวคือ ท่านกีรติ
                    กาญจนรินทร์ เท่านั้น ที่เคยวินิจฉัยว่า เมื่อได้อำนาจในการปกครองประเทศมาโดยมิชอบ การดำเนินการต่อๆ มา
                    จึงมิชอบตามไปด้วย; โปรดดู ความเห็นในการวินิจฉัยคดีหมายเลขแดงที่ 9/2552 ลงวันที่ 28 กันยายน 2552
                    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในเว็ปไซต์ศาลฎีกา  <http://
                    www.supremecourt.or.th/webportal/maincode/admin/announcements/files/
                    November_27_2009_4_14_a9a5b324 a8beeff356cbddc83ae55b70.pdf>
   310   311   312   313   314   315   316   317   318   319   320