Page 30 - kpi10607
P. 30
ฝ่าวิกฤต สร้างโอกาส บทบาทท้องถิ่นไทย
2
ประชาชนในท้องถิ่นตามความจำเป็นในแต่ละท้องถิ่น (โกวิทย์ พวงงาม, 2544, หน้า 3) ดังนั้นความแตกต่าง
ของรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นจึงมีส่วนทำให้การบริหารจัดการสาธารณะแตกต่างไปด้วย
ญี่ปุ่นมีโครงสร้างการบริหารจัดการแผ่นดินออกเป็น 2 ส่วน คือ การบริหารราชการส่วนกลางและ สถาบันพระปกเกล้า
การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยได้เริ่มระบุหลักการ “ความเป็นอิสระของท้องถิ่น (Local Autonomy)”
ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ ค.ศ. 1947 นอกจากนี้ยังมีกฎหมายปกครองตนเองของท้องถิ่น (Local Autonomy
Law) ซึ่งกำหนดโครงสร้างใหม่ของการบริหารส่วนท้องถิ่นและกระจายอำนาจของรัฐบาลกลางให้กับหน่วย
การปกครองท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นของญี่ปุ่นใช้รูปแบบประธานาธิบดี (แบบสหรัฐอเมริกา) ที่ผู้ว่าราชการ
จังหวัดและนายกเทศมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน การปกครองใน
ระดับจังหวัดจะมีพื้นที่ดำเนินการครอบคลุมหน่วยการปกครองท้องถิ่นระดับเทศบาล หากแต่จังหวัดไม่สามารถ
ใช้อำนาจสั่งการเทศบาลได้ เนื่องจากจังหวัดและเทศบาลมีสถานะเป็นหน่วยการปกครองท้องถิ่นที่มีความ
เท่าเทียมกัน
การปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น ก่อนปี ค.ศ. 1947 มีการรวมอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง
ซึ่งคล้ายกับลักษณะการปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยในปัจจุบัน กล่าวคือในประเทศไทยยังมีรูปแบบ
การปกครองที่รวมศูนย์อำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง ทำให้หน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะตกอยู่กับรัฐบาลกลางหรือ
การบริหารราชการส่วนภูมิภาคมากกว่าจะเป็นบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำนาจของรัฐบาลกลาง
ครอบคลุมไปยังจังหวัด อำเภอ และตำบล แม้ว่าแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีสภาท้องถิ่น และนายก
เทศมนตรี/นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจะมาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่มีอำนาจมากนัก นโยบายต่างๆ จะ
กำหนดมาจากรัฐบาลกลาง รวมทั้งมีตัวแทน/ข้าราชการภาครัฐ (ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่
บ้าน) เป็นผู้ดูแลในระดับต่างๆ ควบคู่ไปกับการบริหารส่วนท้องถิ่น
จะเห็นได้ว่า รูปแบบการปกครองท้องถิ่นของญี่ปุ่นมีการแข่งขันของการเลือกตั้งสูง การที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกเทศมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ส่งผลให้มีการทำงานที่เน้นผลงานด้านการพัฒนา
จังหวัดของตน และเน้นบริการสาธารณะให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของประชาชน ทั้งนี้เพื่อสร้างฐานคะแนน
นิยมในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ในขณะที่การปกครองท้องถิ่นของไทยยังมีข้อจำกัดในการทำงาน กล่าวคือ
รัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างๆ ในการพัฒนาท้องถิ่น ส่งผลให้การทำงานเพื่อสาธารณะและการมีส่วนร่วม
ของชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการทำงานเพื่อสาธารณะของไทยมีแตกต่างกับญี่ปุ่น
2. ความรู้สึกร่วมของความเป็นกลุ่ม
การทำงานเป็นกลุ่มเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญและมีส่วนในการผลักดันให้เกิดการทำงานเพื่อส่วนรวม
และเกิดจิตสำนึกที่ต้องการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม จากการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างลักษณะสังคมญี่ปุ่น
กับสังคมไทยแล้ว พบว่าการรวมกลุ่มของทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือเพื่อก่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่มีข้อแตกต่างเกี่ยวกับวิธีคิดในการรวมกลุ่ม กล่าวคือ
สังคมญี่ปุ่นมีวิธีคิดในการรวมกลุ่มที่เกิดจากกระบวนการขัดเกลาทางสังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่
มีการปลูกฝังทางศาสนาที่หล่อหลอมบุคลิกภาพของคนญี่ปุ่นให้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มและให้ความสำคัญต่อ
กลุ่มมากกว่าปัจเจกบุคคล รวมทั้งระบบสังคมของญี่ปุ่นเป็นระบบที่ส่งเสริมกลุ่ม ความสามัคคี และความ