Page 12 - kpiebook67036
P. 12

11





                  ซึ่งนักวิชาการเรียกระบอบการปกครองของสวีเดนในช่วงนี้ว่าเป็นสมบูรณาญาสิทธิ์แบบไม่เต็มที่นักหรือ

                  เป็นสมบูรณาสิทธิ์ปานกลาง (moderate absolutism)   และยังคงให้สภาฐานันดรมีอ�านาจนิติบัญญัติอยู่บ้าง
                                                              7

                          แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ค.ศ. 1772 จะเกิดจากการท�ารัฐประหารโดยกษัตริย์ โดยมี
                  การใช้ก�าลังทหารเข้าขู่บังคับ แต่ก็ไม่มีการบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด และยังได้รับการตอบรับจาก

                  ประชาชนในเมืองหลวงอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วงเวลา 54 ปีภายใต้ “ยุคแห่งเสรีภาพ” และ “รัฐธรรมนูญ
                  ค.ศ. 1720 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในขณะนั้น” การเมืองภายใต้อภิชนนักการเมือง

                  ในสภาฐานันดรกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งแก่งแย่งอ�านาจและมีการทุจริตรับสินบนจากต่างชาติมาใช้
                  ในการหาเสียงในสภาจนน�าไปสู่ทางตันทางการเมือง


                          หก การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบที่กษัตริย์มีอ�านาจน�าและมีอ�านาจมากขึ้นในช่วง

                  ทศวรรษ 1770 ถือว่าเป็นการทวนกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองที่เกิดขึ้นในการปฏิวัติ
                  ในอเมริกา ค.ศ. 1776 และการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 แต่กระแสการเปลี่ยนแปลงไปสู่สาธารณรัฐ

                  ทั้งในอเมริกาและในฝรั่งเศส กลับไม่ได้มีอิทธิพลอย่างมีนัยส�าคัญต่อสภาฐานันดรสวีเดนที่ประกอบไปด้วย
                  อภิชน นักบวชและชาวนา และรวมทั้งประชาชนโดยทั่วไป แม้ว่าจะมีการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์

                  (พระเจ้ากุสตาฟที่สาม) แต่กลุ่มก่อการก็ไม่ได้มีแผนการชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของสวีเดนไปสู่
                  สาธารณรัฐ แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองกลับไปสู่การปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

                  ตามที่ฝ่ายสภาฐานันดรมีอ�านาจน�าอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ค.ศ. 1772  8


                          เจ็ด ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้ากุสตาฟที่สามที่การปกครองในระบอบสมบูรณาสิทธิ์ปานกลาง
                  (moderate absolutism) ได้กลับกลายเป็นระบอบที่กษัตริย์ขยายอ�านาจมากขึ้นจากการตราพระราชบัญญัติ

                  แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่หลังจากการลอบปลงพระชนม์ในปี ค.ศ. 1792 กลับเกิดกระแสโต้กลับ
                  ต่อคณะผู้ลอบปลงพระชนม์ การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชที่เพิ่มอ�านาจมากขึ้นนี้ยังคงด�าเนิน

                  ต่อไปภายใต้พระเจ้ากุสตาฟที่สี่ จนถึงปี ค.ศ. 1809 จากความล้มเหลวของพระเจ้ากุสตาฟที่สี่ในการน�า
                  สวีเดนเข้าสู่สงครามและภาวะเศรษฐกิจตกต�่า และกษัตริย์ไม่ให้ความส�าคัญในการรับฟังความเห็นของ

                  สภาฐานันดร ท�าให้เกิดคณะผู้ก่อการที่ประกอบไปด้วยนายทหารและอภิชนจ�านวนหนึ่งท�าการรัฐประหาร
                  เปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่อยู่ในระบอบ

                  การปกครองที่ถูกเรียกว่า “ระบอบกุสตาฟ” เป็นเวลา 37 ปีนับตั้งแต่พระเจ้ากุสตาฟที่สามท�าการรัฐประหาร

                  7    Dankwart Alexander Rustow, The Politics of Compromise: A Study of Parties and Cabinet Government

                  in Sweden, (New Jersey: Princeton University Press: 1955), p. 13.
                  8    อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าจะไม่ปรากฎความคิดค�านึงถึงระบอบสาธารณรัฐเสียเลยทีเดียว เพราะจากบันทึกของ Malla
                  Montgomery Silfverstolpe ผู้ซึ่งบิดาของเธอถูกจับในฐานะที่มีส่วนในกบฏ Anjala ในขณะที่เธอยังเด็ก เธอได้กล่าวถึง
                  Gustav III ว่าเป็น “ทรราชที่ไม่ต่างจาก Tiberius และ Christian II” และตัวเธอตื่นเต้นกับ “หลักการสาธารณรัฐ”
                  (the republican principles) ของฝรั่งเศส และเธอใฝ่ฝันถึงสปาร์ตาและเอเธนส์ ดู H. Arnold Barton, Scandinavia

                  in the Revolutionary Era, 1760-1815, (Minneapolis: University of Minnesota Press: 1986), “A New Dawn for
                  Humanity 1789-1792,” p. 175.
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17