Page 35 - kpiebook67033
P. 35
สถ�บันพระปกเกล ้ �
King Prajadhipok’s Institute
รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมือง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. การมีส่วนร่วมแบบที่
ทำากันทั่วไป (conventional political participation) เป็นการมีส่วนร่วมที่ค่อนข้างเป็นทางการ
และเป็นรูปแบบเดิม ๆ ผู้มีอำานาจยังคงปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลและยังมีการใช้อำานาจในทางที่ผิด
และไม่ได้ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง และ 2. การมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ไม่ได้ทำากันทั่วไป
(unconventional political participation) เป็นรูปแบบการมีส่วนร่วมที่ไม่เป็นทางการ ไม่เป็นไป
ตามกฎระเบียบหรือกติกาของสังคม ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น การเข้าร่วมชุมนุม
ประท้วง การใช้ความรุนแรง เป็นต้น (ถวิลวดี บุรีกุล และ รัชวดี แสงมหะหมัด, 2557; สถาบัน
พระปกเกล้า, 2563)
การมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นกิจกรรมที่ยึดหลักความสมัครใจ มักจะส่งอิทธิพลต่อ
ผู้กำาหนดนโยบาย หากแต่บางครั้งอาจจะสำาเร็จหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมทางการเมือง
เพื่อเป็นการกดดันให้รัฐบาลตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยกระบวนการ
มีส่วนร่วมนี้จะเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามกฎหมายก็ได้ เช่น การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
การบริจาคเงิน การเข้าร่วมพรรคการเมือง การติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ การประท้วง การเป็น
อาสาสมัคร การลงนามที่เกี่ยวข้อง การซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง หรือแม้กระทั่งการประท้วง
ด้วยการฆ่าตัวตาย (Uhlaner, 2001; จุฬีวรรณ เติมผล, 2561; Deth, 2016; สถาบันพระปกเกล้า,
2563)
นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมทางการเมืองยังมีการกล่าวถึงทัศนคติต่อการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองด้วยซึ่งเป็นรากฐานสำาคัญที่จะผลักดันให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง
ได้มากขึ้น โดยทัศนคติดังกล่าวจะเป็นการจัดการความชื่นชอบหรือไม่ชอบต่อสิ่งต่าง ๆ เป็นการ
ประเมินภายใต้ความรู้สึกนึกคิด ประสบการณ์ของตนเองและบริบทของสังคม (สถาบัน
พระปกเกล้า, 2563) ซึ่งทิศทางการประเมินมี 2 ทิศทาง คือ ทางบวก และ ทางลบ และความรุนแรง
ของการรู้สึกก็แตกต่างกันไปด้วย (Haddock & Maio, 2008)
ทั้งนี้ มีการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนว่าส่งผลมาจากทัศนคติ
และการให้คุณค่าของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติในทางบวกหรือทางลบ รวมถึงการสร้าง
ความเชื่อมั่นก็ส่งผลด้วย (Saad &Salman, 2013; Magni, 2015) อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาพบว่า
หากประชาชนรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจกับสถานการณ์ของบ้านเมือง จะส่งผลให้พวกเขาให้ความสนใจ
เรื่องการเมืองน้อยลง แต่ก็มีส่วนที่ทำาให้พวกเขาออกมาต่อต้านกลุ่มพรรคการเมืองนั้น ๆ และ
ไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้เช่นกัน (Kiss & Hobolt, 2012)
ในขณะที่ความเชื่อมั่นต่อสถาบันต่าง ๆ รวมถึงความเชื่อมั่นต่อนักการเมือง และรัฐบาล
มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมทางการเมือง (Hooghe & Marien, 2012; Saad & Salman, 2013)
ซึ่งมีทั้งการแสดงออกในทางออนไลน์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมือง และการลงคะแนนเสียง
33