Page 96 - kpiebook67026
P. 96
95
มีข้อสังเกตประการหนึ่งว่า หากพิจารณาเอกสารที่วางแนวทางและวิธีการ
ท�า RIA ของ EU ในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเอกสารที่มีการเผยแพร่ก่อนปี
ค.ศ. 2010 มักมีการจ�าแนกประเภท แนวทางและวิธีการวิเคราะหผลกระทบทางสังคม
ออกจากการวิเคราะหผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยการจ�าแนกที่เพิ่งกล่าว
ไปนั้นก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าในช่วงทศวรรษก่อนยังมีแนวคิดการแยก
การวิเคราะหผลกระทบทางสังคมออกอย่างเป็นเอกเทศ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณา
เอกสารของ EU (รวมทั้งของ OECD) ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปจะพบว่าเอกสารที่มีการจัดท�า
หลังปี ค.ศ. 2010 เป็นต้นมา ไม่ได้มีการแยกแนวทางวิธีการวิเคราะหผลกระทบด้าน
สังคมอย่างเป็นเอกเทศอีกต่อไป ซึ่งอาจสะท้อนแนวคิดใหม่ว่าปัจจุบันไม่มีความจ�าเป็น
ต้องแยกการวิเคราะหผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจออกจากกัน เพราะในทางที่สุด
41
ผลกระทบทั้งสองด้านมักมีความเกี่ยวพันกันอย่างแน่นแฟ้น นอกจากนี้ ในทางปฏิบัติ
ของการวิเคราะหผลกระทบในการท�า RIA นั้น จะเป็นการวิเคราะหข้อเสนอทางกฎหมาย
รายฉบับ ซึ่งโดยสภาพย่อมไม่อาจจะท�าการวิเคราะหผลกระทบทางสังคมแต่เพียง
ด้านเดียวได้ หากแต่ต้องค�านึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมรวมถึง
ผลกระทบหรือค�านึงถึงข้อพิจารณาด้านอื่น ๆ ไปในขณะเดียวกันด้วย ด้วยเหตุดังกล่าว
จึงไม่ได้มีการจัดท�าแนวทางการวิเคราะหผลกระทบแบบแยกส่วนอีก
อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรอบการศึกษาหลักของรายงานการศึกษานี้มุ่งพิจารณา
แนวทางและวิธีการวิเคราะหผลกระทบทางสังคมเป็นหลัก ดังนั้น ในบทนี้จะพยายาม
น�าเสนอแนวทางและวิธีการวิเคราะหผลกระทบที่เน้นกล่าวถึงในมิติด้านสังคมให้
มากที่สุดควบคู่ไปกับการน�าเสนอบทเรียนและแนวทางด�าเนินการตามหลักสากล
ที่เป็นปัจจุบันให้มากที่สุด
41 เช่นเดียวกับที่จะเห็นแนวทางและวิธีการวิเคราะหผลกระทบของประเทศต่าง ๆ ในบทต่อไป
ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกัน คือในปัจจุบันแทบจะไม่มีการแยกตัวอย่างแนวทางและวิธีการวิเคราะห
ผลกระทบทางสังคมออกจากด้านเศรษฐกิจอีกต่อไป ซึ่งเหตุผลหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากฐานคิดของการท�า
RIA ที่พยายามจะให้มีการวิเคราะหผลกระทบออกมาเป็นตัวเลขให้มากที่สุดท�าให้ในท้ายที่สุด
มีความจ�าเป็นต้องน�าหลักการวิเคราะหที่นิยมใช้ในทางเศรษฐกิจ เช่น การวิเคราะหแบบ cost-benefit
analysis และ cost-effectiveness analysis เป็นต้น มาใช้ในการวิเคราะหด้านสังคมให้มากเท่าที่
จะท�าได้ ส่งผลให้ในแง่วิธีการวิเคราะหผลกระทบทั้งสองด้านไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส�าคัญ
อ้างถึงใน ส�านักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า, เรื่อง “แนวทางและวิธีการ
วิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมในการตรากฎหมาย”, 2564, น. 41