Page 16 - kpiebook66024
P. 16
การตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ภายใต้ระบบรัฐสภา การตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ภายใต้ระบบรัฐสภา
กับความไร้เสถียรภาพของรัฐบาล ดังนั้น การปฏิรูปการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ
ฉบับดังกล่าวจึงพยายามสร้างวางกลไกเพื่อให้รัฐบาลเข้มแข็งคล้ายกับกลไกของ
ประเทศฝรั่งเศส และยังสร้างองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อควบคุม
ความชอบด้วยกฎหมาย และควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม
ระบบการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 กลับก่อให้เกิดปัญหาใหม่ซึ่งสะท้อน
ให้เห็นจุดอ่อนของระบบรัฐสภาที่ชัดเจน กล่าวคือ โดยธรรมชาติของระบบรัฐสภานั้น
ฝ่ายบริหารจะมาจากเสียงข้างมากของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
ฝ่ายบริหารและเสียงข้างมากในรัฐสภาจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน ทำให้การควบคุมการบริหาร
ราชการแผ่นดินอาจจะไม่มีประสิทธิภาพในความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่
ฝ่ายบริหารมีเสียงข้างมากในรัฐสภาถึงขนาดที่พรรคฝ่ายค้านมีเสียงไม่เพียงพอ
ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และแม้ว่าที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่ประกาศใช้หลังจากรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 จะพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว
แต่การวางกลไกเพื่อแก้ปัญหามีลักษณะเหมือนการพยายามทำปัญหาเรื่องการเมือง
ให้กลายเป็นเรื่องกฎหมายและให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า
ทำให้ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐสภาอ่อนแอลง อีกทั้งการแก้ปัญหา
โดยทำให้เรื่องการเมืองเป็นเรื่องกฎหมายนั้น จะทำให้เหลือทางออกเพียง “ใช่” กับ
“ไม่ใช่” หรือ “ผิด” กับ “ถูก” ซึ่งขาดการประสานประโยชน์หรือทำให้เกิดสถานการณ์
ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ด้วยเหตุนี้ งานวิจัยฉบับนี้จึงมุ่งศึกษาแนวทางในการไขปัญหาเรื่องของบกพร่อง
ของการตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภาเพื่อนำมาปรับใช้กับกรณีของประเทศไทย
โดยอยู่ภายใต้หลักการที่ว่า ทำอย่างไรให้รัฐสภาสามารถตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร
ได้อย่างแท้จริง (ซึ่งเป็นการให้ฝ่ายการเมืองที่มีจุดยึดโยงกับประชาชน ตรวจสอบเรื่อง
ทางการเมืองด้วยวิธีการทางการเมือง) ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าการตรวจสอบนั้นจะต้องยัง
คงทำให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินต่อไปได้ และนำเสนอข้อเสนอ
เพื่อเป็นทางออกสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ
และฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาในประเทศไทยด้วย เพื่อตอบคำถามว่า จะทำอย่างไร
ให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารได้อย่างแท้จริง
ในระบบรัฐสภาซึ่งกำหนดให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายบริหารมาจาก
เสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร หรือก็คือ เป็นระบบที่ทำไห้ประมุขของฝ่ายบริหาร
และเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรเป็น “พวกเดียวกัน”