Page 9 - kpiebook66023
P. 9

มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม




                                                          บทที่ 2

                                   แนวคิดว่ำด้วยรูปแบบองค์กรส ำหรับวิสำหกิจเพื่อสังคม


                         ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า การก าหนดค านิยามสากล (universally-accepted definition)
                  ของวิสาหกิจเพื่อสังคม (social enterprise) เป็นไปได้ยากมากเนื่องจากความหลากหลายของวิสาหกิจเพื่อ

                  สังคมทั้งในแง่ของประเภทองค์กร เช่น องค์กรไม่แสวงหาก าไร องค์กรการกุศล องค์กรภาคเอกชน หรือ
                  ความหลากหลายประเภทกิจกรรมตั้งแต่การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า หรือการสร้างสรรค์
                  สิ่งใหม่ ๆ ให้กับสังคม (social innovation) ความท้าทายของการศึกษาเรื่องนี้จึงอยู่ที่การท าความเข้า
                  ใจความหลากหลายของกิจการประเภทนี้ ส่วนหนึ่งของแสวงหาความเข้าใจเช่นนั้นย่อมได้แก่ การศึกษา

                  สภาพความเป็นจริงของวิสาหกิจเพื่อสังคมในบริบทต่าง ๆ เช่น วิสาหกิจเพื่อสังคมในประเทศต่าง ๆ
                  กิจกรรมที่ด าเนินการอยู่ หรือการด าเนินนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมของภาครัฐ รวมถึงกฎหมายที่
                  เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ “กรณีศึกษา” (case study) ลักษณะด้านต่าง ๆ ในความหลากหลายของวิสาหกิจ
                  เพื่อสังคมที่ปรากฏ เช่น ตัวอย่างของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ประสบความส าเร็จนั้น จะท าให้สามารถวิเคราะห์

                  หรือแม้กระทั่งสร้างแนวคิดของวิสาหกิจเพื่อสังคมขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการศึกษาแนวคิดของ
                  วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้น ยังขาดรากฐานความคิดทางทฤษฎีที่สามารถท าให้เห็นภาพรวมเชิงเปรียบเทียบของ
                  วิสาหกิจเพื่อสังคม เพราะการศึกษาส่วนใหญ่ยังจ ากัดอยู่ในพื้นที่เฉพาะ เช่น ประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือ
                                          3
                  ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น

                         การก าหนดแนวคิดทางทฤษฎีของวิสาหกิจเพื่อสังคมมีประเด็นหลักคือ การยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า
                  วิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นเกี่ยวข้องกับความคิดริเริ่มต่าง ๆ ทางธุรกิจ (entrepreneurial initiatives)
                  ซึ่งโดยทั่วไปเป็นของเอกชนและขับเคลื่อนโดยความมุ่งหวังทางสังคม โดยมุ่งจัดการกับสิ่งท้าทายต่าง ๆ ทาง

                  สังคม แต่เดิมนั้นมีการมองระบบเศรษฐกิจว่าแบ่งเป็น 2 ขั้วที่ตรงข้ามกัน ได้แก่ ขั้วของการท าเพื่อเพื่อน
                  มนุษย์ด้วยกันโดยไม่หวังประโยชน์ใดตอบแทน หรือการท าเพื่อการกุศลโดยแท้ (purely philanthropic
                  pole) และอีกขั้วหนึ่งคือ การด าเนินกิจการเพื่อผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดยแท้ (purely commercial

                  pole) วิสาหกิจเพื่อสังคมมีพัฒนาการมาจากการผนวกลักษณะของทั้ง 2 ขั้วเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความ
                  สมดุลเชิงผลิตภาพ ซึ่งท าให้เราเห็นความแปรผันด้านความหลากหลายของตัวแบบวิสาหกิจเพื่อสังคมได้
                                4
                  แทบไม่มีที่สิ้นสุด  ท าให้เกิดแนวคิดที่ว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมมีลักษณะที่เป็นองค์กรที่อยู่ระหว่างกลางของ
                  2 ขั้ว (intermediate organizations) เป็นตัวแบบลูกผสม (hybrids) ของการประกอบการทางธุรกิจ
                  นั่นเอง ดังนั้น จึงท าให้วิสาหกิจเพื่อสังคมเกี่ยวข้องกับองค์กรมากมายและหลากหลายรูปแบบที่อยู่ในภาครัฐ

                  ภาคเอกชน รวมถึงรูปแบบองค์กรอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในสองภาคหลักของระบบเศรษฐกิจ บางครั้งอาจเรียกว่า
                  องค์กรในภาคที่สาม (Third Sector) รวมไปถึงการพัฒนาองค์กรที่มีรูปแบบเฉพาะขึ้นใหม่อีกด้วย ความ
                  หลากหลายและซับซ้อนของรูปแบบองค์กรของวิสาหกิจเพื่อสังคมนี้ ท าให้การออกแบบกฎหมายที่สามารถ


                  3  Jacques Defourny and Marthe Nyssens. (2017). Fundamentals for an International Typology of social
                  Enterprise Models. Voluntas, 28, pp. 2469–2497.
                  4  J. Gregory Dees. (1998). The Meaning of “Social Entrepreneurship”. The Social Entrepreneurship Funders Working Group.   14
                  https://centers.fuqua.duke.edu/case/wp-content/uploads/sites/7/2015/03/Article_Dees_MeaningofSocialEntrepreneurship_2001.pdf
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14