Page 201 - kpiebook65072
P. 201
200 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว การจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้นั้นควรพิจารณาก่อนว่า
รัฐผู้ร้องขอกับรัฐผู้รับคำาร้องขอมีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
หรือไม่ ถ้ามี การดำาเนินการก็จะเป็นไปตามพันธกรณีที่รัฐภาคีแห่งสนธิสัญญานั้น
ได้ตกลงกัน อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
และรัฐใดรัฐหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐผู้ร้องขอหรือรัฐผู้รับคำาร้องขอ ได้กำาหนดให้
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนขึ้นอยู่กับความคงอยู่ของสนธิสัญญา อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ
ได้กำาหนดเปิดช่องให้รัฐภาคี “มีสิทธิที่จะถือเอา” ซึ่งมาจากคำาภาษาอังกฤษ
ว่า “may consider” อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ (แล้วแต่กรณี) เป็นฐานทาง
กฎหมายในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแทนความคงอยู่ของสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
381
ในระดับทวิภาคีก็ได้
นอกจากนี้ ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
และไม่มีรัฐใด ไม่ว่าจะเป็นรัฐผู้ร้องขอหรือรัฐผู้รับคำาร้องขอ ได้กำาหนดให้
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนขึ้นอยู่กับความคงอยู่ของสนธิสัญญา อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ
กำาหนดให้รัฐเหล่านั้นต้องยอมรับว่าความผิดฐานการทรมานและการกระทำา
ให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันได้ ดังจะได้กล่าว
ในหัวข้อต่อไป
5.1.2 ความผิดที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้
การจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้นั้น ต้องพิจารณาด้วยว่าความผิดที่บุคคลนั้น
ได้กระทำาเป็นความผิดที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ (Extraditable Offences)
หรือไม่ ในเรื่องนี้อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับได้กำาหนดชัดเจนให้ความผิดฐานการทรมาน
และการกระทำาให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ดังนี้
381 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 139.
inside_ .indd 200 14/9/2565 11:15:06