Page 198 - kpiebook65072
P. 198
197
เป็นความผิดอาชญากรรมสงครามหรืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติก็ตาม
370
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนจึงเป็นหลักการที่ตั้งอยู่ฐานของการเคารพอธิปไตย
371
ที่เท่าเทียมกันระหว่างรัฐ (Sovereign Equality) หลักปฏิบัติต่างตอบแทน
373
(Reciprocity) และหลักอัธยาศัยไมตรีระหว่างประเทศ (Comity)
372
อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติรัฐต่าง ๆ มักเข้าทำาสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ระหว่างกันเพื่อใช้เป็นฐานทางกฎหมายในกรณีที่มีการร้องขอให้ส่งผู้ร้าย
ข้ามแดนขึ้น แต่หากไม่ปรากฏสนธิสัญญาเช่นว่า รัฐผู้ถูกร้องขออาจพิจารณา
ว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตามคำาร้องดังกล่าวโดยคำานึงถึงหลักปฏิบัติ
374
ต่างตอบแทนก็ได้ สำาหรับประเทศไทยในเรื่องนี้ พระราชบัญญัติส่งผู้ร้าย
ข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 9(2) ได้ระบุชัดเจนว่ารัฐบาลไทยอาจพิจารณา
ส่งบุคคลข้ามแดนเพื่อการฟ้องร้องหรือรับโทษตามคำาพิพากษาของศาล
ในความผิดทางอาญา ซึ่งอยู่ภายใต้อำานาจดำาเนินคดีของประเทศผู้ร้องขอให้แก่
ประเทศนั้น ๆ ตามคำาร้องขอได้ “กรณีที่มิได้มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ระหว่างกัน เมื่อประเทศผู้ร้องขอได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจะส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ให้แก่ประเทศไทยในทำานองเดียวกัน เมื่อประเทศไทยร้องขอ” 375
370 David H. Kennedy et al, “The Extradition of Mohammed Hamadi,”
in Harvard International Law Journal Vol. 31 (1990), p. 12.
371 Kenneth S. Gallant, “Securing the Presence of Defendants before the
International Tribunal for the Former Yugoslavia: Breaking with Extradition,”
in Criminal Law Forum Vol. 5, p. 557.
372 Ibid, p. 567.
373 Hersch Lauterpacht, International Law: Being the Collected Papers of
Hersch Lauterpacht Vol. 3 (E. Lauterpacht ed., 1977), p. 223.
374 David A. Sadoff, Extradition and its Impediments in Bringing International
Fugitives to Justice, (Cambridge University Press, 2016), p. 138.
375 พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551, มาตรา 9(2).
inside_ .indd 197 14/9/2565 11:15:05