Page 156 - kpiebook65072
P. 156
155
บุคคลจะสามารถอุปโภคสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
ได้อย่างมีประสิทธิผลก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น อนุสัญญาจึงกำาหนดให้รัฐภาคี
จะต้องประกันว่าบุคคลที่ถูกดำาเนินคดีหรือถูกจำากัดเสรีภาพตามกระบวนการ
ทางกฎหมายจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เช่น ไม่ถูกนำาตัวไปทรมาน
หรือกระทำาให้สูญหาย และต้องได้รับการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม
ต่อหน้าองค์คณะที่มีอำานาจ อิสระและเป็นกลาง ที่จัดตั้งตามกฎหมาย ทั้งนี้
ลักษณะขององค์คณะที่มีอำานาจ (Competent) นั้น ต้องเป็นองค์คณะที่สามารถ
ตัดสินให้คุณให้โทษและผลการตัดสินมีผลผูกพันบุคคลเท่านั้น หากผลการพิจารณา
ขององค์คณะมีผลเป็นเพียงข้อเสนอแนะ เช่น ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ
พักการลงโทษ (Parole Board) ก็ย่อมไม่ถือเป็นองค์คณะที่มีอำานาจตามความหมาย
290
ของอนุสัญญา นอกจากนี้ องค์คณะจะต้องมีความเป็นอิสระและเป็นกลาง
(Independence and Impartial) โดยจะต้องมีโครงสร้างที่ออกแบบ
เพื่อป้องกันมิให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เช่น การกำาหนดองค์ประกอบ
ของตุลาการที่มีพื้นเพที่หลากหลาย จนถึงวิธีการและเงื่อนไขในการคัดเลือก
ตุลาการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ และองค์คณะดังกล่าวจะต้องจัดตั้ง
ตามกฎหมาย (Established by Law) โดยการจัดตั้งนั้นเป็นไปตามหลักการ
พื้นฐานว่าด้วยเขตอำานาจ โครงสร้าง และรับรองโดยกฎหมาย 291
อย่างไรก็ดี ในระหว่างการจัดทำาต้นร่างอนุสัญญา CED ได้มีความเห็นว่า
ในประเด็นองค์คณะที่ทำาหน้าที่พิจารณาคดีนั้น ควรกำาหนดห้ามอย่างชัดแจ้ง
มิให้มีการดำาเนินคดีในศาลทหารหรือองค์คณะที่ดำาเนินการโดยฝ่ายทหาร
เลยหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าในทางปฏิบัติแล้วการบังคับให้หายสาบสูญมักกระทำา
disappearance shall benefit from a fair trial before a competent, independent
and impartial court or tribunal established by law.”
290 Supra Note 162, p. 268.
291 Ibid.
inside_ .indd 155 14/9/2565 11:15:04