Page 110 - kpiebook65072
P. 110
109
เพราะโดยลักษณะของการกระทำาให้บุคคลสูญหายนั้นมักใช้ระยะเวลา
ที่ยาวนานกว่าจะทราบข้อเท็จจริงว่าได้มีการกระทำาความผิดเกิดขึ้นตลอด
จนกว่าจะพบตัวผู้กระทำาผิด และนอกจากนี้ หากการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
เป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ก็จะเข้าลักษณะเป็นการกระทำา
ที่ร้ายแรงและเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม
ซึ่งทำาให้เป็นความผิดที่ไม่อาจกำาหนดอายุความได้เลย 204
อย่างไรก็ดี หากการกระทำาให้บุคคลสูญหายมิได้เป็นส่วนหนึ่ง
ของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม แต่เป็นความผิด
ภายใต้อนุสัญญา CED ผู้ร่างฯ เห็นว่ารัฐภาคีอาจประสงค์ที่จะกำาหนดให้มี
อายุความสำาหรับความผิดฐานการบังคับให้หายสาบสูญก็ได้ เพราะ
205
อนุสัญญา CED ไม่ได้ระบุให้เป็นพันธกรณีที่รัฐต้องกำาหนดให้มีอายุความ
แต่หากรัฐภาคีเลือกที่จะกำาหนดอายุความแล้ว อายุความนั้นก็จะต้องมี
ลักษณะที่ยาวและได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของความผิด ทั้งนี้ ระยะเวลา
206
จะยาวนานเท่าใดให้ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละรัฐเอง และรัฐมีพันธกรณี
จะต้องประกันสิทธิของเหยื่อการกระทำาให้บุคคลสูญหายในการที่จะได้รับ
การเยียวยาที่มีประสิทธิภาพภายในระยะเวลาอายุความนั้น
ในการเริ่มนับอายุความ อนุสัญญา CED ระบุให้เริ่มนับตั้งแต่
การกระทำาความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหายได้ยุติลง ปัญหา
ในทางปฏิบัติ คือ จะพิจารณาว่าการกระทำาให้บุคคลสูญหายนั้นได้ยุติลงเมื่อใด
ในเรื่องนี้ อนุสัญญา CED มิได้ระบุแนวทางไว้ชัดเจน จึงขึ้นอยู่กับการตีความ
ของแต่ละรัฐ แต่รัฐก็สามารถพิจารณาตามแนวทางของสหประชาชาติ
207
204 Supra Note 91, Rome Statute, Art. 29.
205 Supra Note 15, p. 216.
206 Supra Note 161, p. 308.
207 Ibid, p. 313.
inside_ .indd 109 14/9/2565 11:15:03