Page 107 - kpiebook65072
P. 107
106 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
ผู้กระทำาผิด (Nationality Principle) โดยรัฐเจ้าของสัญชาติผู้กระทำาผิด
มีเขตอำานาจ หากการกระทำาผิดนั้นได้กระทำาโดยคนชาติของตน และ
ประการที่สอง หลักสัญชาติของผู้เสียหาย (Passive Personality Principle)
โดยรัฐเจ้าของสัญชาติผู้เสียหายมีเขตอำานาจเหนือความผิดนั้น อย่างไรก็ดี
เนื่องจากหลักสัญชาติของผู้เสียหายยังไม่ได้รับถูกยอมรับเป็นการทั่วไป
เท่ากับหลักการอื่นที่อนุสัญญาระบุ ผู้ร่างฯ จึงได้มีข้อความกำากับว่า
“หากรัฐนั้นเห็นเป็นการสมควร” หรือ “if that State considers it
appropriate” เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและสนองตอบต่อข้อกังวลดังกล่าว 199
3.3.2.3 หลักสากลแบบมีเงื่อนไข
อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ กำาหนดให้รัฐภาคีมีเขตอำานาจเหนือความผิด
หากพบตัวผู้กระทำาความผิดในดินแดนของตนและตัดสินใจไม่ส่งตัวบุคคล
ดังกล่าวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็นไปตามหลักการ Aut Dedere Aut Iudicare
หรือ “either extradite or prosecute” ตามกฎหมายอาญาระหว่าง
200
ประเทศ ที่ว่าหากรัฐไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ต้องดำาเนินคดีด้วยตนเอง
การที่อนุสัญญาฯ กำาหนดเขตอำานาจเหนือความผิดในลักษณะนี้ มีวัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันมิให้ผู้กระทำาผิดรอดพ้นจากการถูกดำาเนินคดีไม่ว่าจะหลบหนีไปยัง
รัฐใด โดยได้เคยมีนักวิชาการบางรายเสนอให้มีการนำาหลักสากล (Universal
201
Jurisdiction) มาใช้ในอนุสัญญาฯ ด้วย แต่ก็ได้ถูกตีตกไป อย่างไรก็ดี
เพื่อประสานประโยชน์ระหว่างความเห็นต่าง ๆ ผู้ร่างฯ จึงได้กำาหนดว่า
199 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 132.
200 Robert Cryer, Darryl Robinson and Sergey Vasiliev, An Introduction to
International Criminal Law and Procedure, (Cambridge University Press
4 ed., 2019), p. 74.
th
201 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 132.
inside_ .indd 106 14/9/2565 11:15:03