Page 112 - kpiebook65072
P. 112
111
การกระทำาให้บุคคลสูญหายที่ได้เกิดขึ้นก่อนที่รัฐจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา CED
ดังนั้น การกำาหนดให้ความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหายเป็นความผิด
ที่มีลักษณะต่อเนื่อง จึงทำาให้รัฐมีเขตอำานาจเหนือการกระทำาที่เกิดขึ้นก่อนที่รัฐ
จะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา CED แต่ยังคงดำาเนินอยู่หรือมีผลจนกระทั่งภายหลัง
212
ที่รัฐเข้าเป็นภาคีแล้ว เช่น การจับกุมบุคคลได้เกิดขึ้นก่อนที่รัฐเข้าเป็นภาคี
แต่ในขณะที่รัฐเข้าเป็นภาคี บุคคลนั้นก็ยังคงถูกกระทำาให้สูญหายโดยถูกปกปิด
ชะตากรรมอยู่นั่นเอง
3.3.4 การก�าหนดโทษโดยค�านึงถึงความร้ายแรงอย่างยิ่ง
ของความผิด
การกำาหนดโทษโดยคำานึงถึงความร้ายแรงของความผิด มีที่มาจาก
ฐานความคิดที่ว่าการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหายเป็นการกระทำาที่
มีความร้ายแรงกว่าความผิดทางอาญาทั่วไป ดังนั้น โทษที่ผู้กระทำาผิดจะได้รับ
ก็ควรที่จะต้องได้สัดส่วน (Proportionality of Punishment) กับความร้ายแรง
ดังกล่าวด้วย ดังนี้
3.3.4.1 ความได้สัดส่วนกับความร้ายแรงอย่างยิ่ง
ของความผิด
อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ ต่างกำาหนดให้รัฐมีพันธกรณีที่จะกำาหนดโทษ
โดยคำานึงถึงความร้ายแรงของการกระทำาผิด ดังนี้
212 Beate Rudolf, “Louizidou v Turkey,” in American Journal of International
Law Vol. 91 (1997), p. 534.
inside_ .indd 111 14/9/2565 11:15:03