Page 240 - kpiebook65063
P. 240
สังคมใช้กลุ่มผู้พิการที่มีทัศนคติที่ดีเข้าไปเยี่ยมบ้านของผู้พิการก่อน เป็นรูปแบบเพื่อนพิการเยี่ยม
เพื่อนพิการ เพื่อเป็นสื่อในการแก้ไขทัศนคติทางลบให้กลายเป็นบวก และพูดคุยหารือระหว่าง
เพื่อนพิการกันเองจนนำไปสู่การเปิดใจยอมรับสังคม และเข้าร่วมในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผู้พิการของเทศบาลเมืองบ้านสวน ในขั้นตอนนี้ใช้ระยะเวลามากเนื่องจากผู้พิการแต่ละคนมีระดับ
การยอมรับสังคมแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การใช้ผู้พิการไปเยี่ยมผู้พิการด้วยกันเองมักประสบ
ความสำเร็จมากกว่าการนำบุคคลทั่วไปเข้าไปเยี่ยมบ้านของผู้พิการ เนื่องจากผู้พิการมีทัศนคติ
ที่เชื่อว่า คนทั่วไปไม่อาจรับรู้ถึงสภาพจิตใจของผู้พิการได้อย่างลึกซึ้งเพราะคนทั่วไปไม่เคยใช้ชีวิต
แบบผู้พิการมาก่อน ดังนั้น เมื่อผู้พิการเห็นผู้เข้าไปเยี่ยมเป็นผู้พิการเช่นเดียวกับตน การเปิดใจ ท้องถิ่นกับภารกิจที่ท้าทายหลังวิกฤตโควิด-19
ในการรับความช่วยเหลือหรือพูดคุยจึงง่ายขึ้น แม้ว่าบางรายใช้เวลาในการเข้าถึงเป็นระยะเวลา
นานกว่าจะเปิดใจยอมรับความช่วยเหลือ
เมื่อนายกเทศมนตรี ผู้บริหารเทศบาล และผู้บริหารกองสวัสดิการสังคมได้รับข้อมูล
ที่มาจากขั้นตอนการเยี่ยมบ้านแล้ว ผู้บริหารเทศบาลก็จะจัดสรรทรัพยากรลงไปสู่แผนงานและ
โครงการที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาซึงรวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ การจัดสรรทรัพยากร
ของเทศบาลเมืองบ้านสวนมาจากหลายแหล่ง แบ่งเป็น ทรัพยากรที่มาจากการจัดทำงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีของเทศบาล และทรัพยากรที่มาจากการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย
อาทิ การบริจาคของภาคเอกชน การเบิกจ่ายจากกองทุนสวัสดิการผู้พิการบ้านสวนที่เป็นกองทุน
ที่มาจากการรวมกลุ่มของผู้พิการในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่ไม่สามารถตั้งงบประมาณ
รายจ่ายจากเทศบาลได้ อาทิ การจัดงานวัดเกิด การจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรง
ชีวิตประจำวัน เป็นต้น
บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนอื่น ๆ ในการดำเนินงาน
จุดกำเนิดของโครงการเกิดมาจากการลงสำรวจพื้นที่ของนายกเทศมนตรีและทีมผู้บริหาร
อย่างต่อเนื่องจนพบจุดสำคัญของปัญหาในระดับชุมชน (Pain Point) ที่มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมาก ส่วนที่ ภารกิจที่ท้าทายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลังวิกฤตโควิด-19
ยิ่งขึ้น คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประชากรกลุ่มเปราะบาง และจากการประชุมปรึกษาหารือกัน
ของกลุ่มผู้บริหารเทศบาลได้ข้อสรุปสำคัญก็คือ ประชากรกลุ่มเปราะบางในพื้นที่มีแนวโน้มติดกับ
ดักความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลทั้งหมดจึงยกระดับเรื่อง “ความเหลื่อมล้ำ”
เป็นวาระสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการสาธารณะของเทศบาล ดังนั้น
นายกเทศมนตรีจึงกำหนดวิสัยทัศน์การบริหารงานเทศบาล ให้ครอบคลุมถึงเรื่องการลด
ความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง โดยมุ่งเน้นไปที่ประชากรกลุ่มเปราะบางใน
กลุ่มผู้พิการ เนื่องจากผลการสำรวจประจำปีของกองสวัสดิการสังคม พบว่า กลุ่มผู้พิการมีทัศนคติ
สถาบันพระปกเกล้า 229