Page 281 - kpiebook65057
P. 281
ทางการเมืองไทยอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการจับป้นขึ้นต่อสู้เพื่อชิงอำนาจรัฐอยู่หลาย
ปี อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมกับพรรคของนักศึกษา ชาวนา กรรมกรเกิดขึ้นได้ไม่นาน
เมื่อเหตุการณ์ภายในและภายนอกประเทศคลี่คลายไปในทางไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่
ของพรรค อาทิ หลังจากที่รัฐทำการปราบปรามนักศึกษาในวันที่ 6 ตุลา 2519
สังคมได้เข้าสู่ยุคเผด็จการขวาสุดโต่งภายใต้การบริหารประเทศของ นายธานินทร์
กรัยวิเชียร มีการใช้กฎหมายปราบปรามอย่างรุนแรงและกฎหมายห้ามกระทำการ
อันเป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นในประเทศไทย
ภายหลังการสิ้นสุดลงของรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร และแทนที่ด้วยรัฐบาล
ภายใต้การบริหารของนายเกรียงศักดิ์ ชะมะนันท์ และรัฐบาล พลเอก เปรม
ติณสูลานนท์ ที่ดำเนินนโยบายปรองดองภายในชาติ และนโยบาย “การเมือง
นำการทหาร” การดำเนินนโยบาย 66/23 ทำให้ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์
ถอนตัวกลับสู่เมือง
ในส่วนของเหตุการณ์ภายนอก พรรคคอมมิวนิสต์จีนขัดแย้งกับพรรค
คอมมิวนิสต์เวียดนาม ทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคคอมมิวนิสต์ และ
เป็นปัญหาในการขอความช่วยเหลือจากลาวและเขมร ซึ่งถูกควบคุมโดยพรรค
คอมมิวนิสต์เวียดนาม ในขณะที่จีนต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย
ด้วยการปฏิิเสธการให้ความช่วยเหลือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แม้ว่าก่อน
หน้านี้จีนจะอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนพรรคมาก่อน ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ไทย
อ่อนกำลังลงและยุติบทบาทการสู้รบกับรัฐบาลไทยในที่สุด (นิยม รัฐอมฤต, มปป)
โดยสรุปการเติบโตของพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงที่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์
กำลังแพร่หลายในภูมิภาคอินโดจีน ส่งผลให้คนจำนวนมากรู้จึกแนวคิดมาร์กซ์ และ
สนใจอุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ รวมถึงในเวลานั้นปัญหาที่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา
ชาวไร่ถูกเอาเปรียบจากรัฐและนายจ้าง จึงมีการออกมาเรียกร้องการขึ้นค่าแรง
และนโยบายที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่คำนึงถึงการส่งเสริมสวัสดิการแรงงาน
แนวคิดแบบคอมมิวนิสต์ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ส่งเสริม
ความเท่าเทียมทางชนชั้นเพื่อลดทอนการกดขี่ขูดรีดแรงงานจึงมีอิทธิพลต่อ
226