Page 279 - kpiebook65057
P. 279
ต่อมาหลังจากที่จอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจมาจากจอมพลป. เมื่อ พ.ศ. 2500
และรัฐประหารตัวเองเมื่อ พ.ศ. 2501 (กฤษณะ โสภี. 2564) มีการกวาดล้างฝ่�ายตรง
ข้ามอย่างรุนแรง ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นมาบริหารประเทศได้ประกาศ
ห้ามตั้งพรรคการเมือง มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ และห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน
พร้อมกวาดล้างผู้ที่ขัดแย้งกับรัฐบาล การออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือขัดแย้งกับรัฐ
จะถูกตอบโต้ด้วยการกวาดล้างอย่างโหดเหี้ยม (กฤษณะ โสภี, 2564)
ในยุคนี้มีการออกมาตรา 17 ตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
พ.ศ. 2502 รัฐบาลใช้มาตรา 17 เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่ขัดแย้งกับรัฐบาล รวมถึง
ผู้ที่หันไปสนับสนุนขบวนการคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำเนิน
นโยบายปราบปรามฝ่�ายตรงข้ามด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์ทันทีที่ขึ้นมามีอำนาจ
มีผู้ที่ถูกจับกุมในข้อหาต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์มีมากกว่า 40 คน ในบรรดา
ผู้ถูกจับกุมในครั้งนั้น มีทั้ง นักศึกษา นักหนังสือพิมพ์ กรรมกร และครูซึ่งส่วนใหญ่
อยู่ในแถบภาคอีสาน ด้วยข้อครหาที่ว่าผู้ต้องสงสัยเหล่านี้วางแผนจะแทรกซึม
โรงเรียนโดยการโฆษณาชวนเชื่อให้หันมานิยมในลัทธิคอมมิวนิสต์ การปราบปราม
คอมมิวนิสต์ในสมัยจอมพลสฤษดิ์นั้นจึงมีอยู่เป็นจำนวนมาก (กฤษณะ โสภี, 2564)
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีการใช้อำนาจตามมาตร 17 ในการปราบปรามหนึ่ง
7
เหตการณ์ที่สำคัญ คือคดีของครูครอง จันดาวงค์ โดยครูครองและเพื่อนร่วมกัน
จัดตั้งสมาคมลับที่ชื่อ “สามัคคีธรรม” เพื่อทำการต่อต้านอำนาจเผด็จการ และ
7 สาระสำคัญของมาตรานี้มีการบัญญัติไว้ว่า “ในระหว่างที่ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ในกรณีที่นายก
รัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อน
ทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักรหรือราชบัลลังก์ หรือการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลาย
ก่อกวน หรือคุกคามความสงบที่เกิดขึ้นภายใน หรือมาจากภายนอกราชอาณาจักร ให้นายก
รัฐมนตรีโดยมติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการ หรือกระทำการใดได้และให้ถือว่าคำสั่งหรือ
การกระทำเช่นว่านั้นเป็นคำสั่งหรือการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อนายกรัฐมนตรีได้สั่งการ
หรือกระทำการใดออกไปตามความในวรรคก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีแจ้งให้สภาทราบ”
224