Page 79 - kpiebook65024
P. 79

78   ประเด็นส�ำคัญที่พึงมีในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย




        จะไม่ได้ก�าหนดรายละเอียดเอาไว้อย่างชัดแจ้ง พระมหากษัตริย์ก็ต้องใช้พระปรีชาญาณ

        เมื่อมีพระราชประสงค์จะแต่งตั้งคณะผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ที่พึงจะแต่งตั้งขึ้น
        เป็นจ�านวนคี่เพื่อให้สามารถชี้ขาดความเห้นที่ขัดแย้งกันได้


               ส่วนประเด็นที่ว่าจะมีการแต่งตั้งผู้ส�าเร็จราชแทนพระองค์หรือไม่ก็ได้นั้น
        ซึ่งแม้ในความเป็นจริงแล้วเริ่มปรากฏตั้งแต่ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557

        ซึ่งมีการแก้ไขในปี พ.ศ. 2560 ก่อนที่รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 จะมีผลบังคับใช้
        แต่ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ด้วยเหตุว่าไม่เคยปรากฏ

        บทบัญญัติท�านองนี้มาก่อน (ไชยันต์ ไชยพร, 2565) กรณีดังกล่าวจึงมีประเด็นที่ควร
        พิจารณาว่า หากพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหาร

        พระราชภาระไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม แล้วมิได้ทรงแต่งตั้งผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ไว้
        จะต้องด�าเนินการอย่างไร ทั้งนี้การปล่อยให้ประเทศไม่มีผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์นั้น

        ย่อมไม่อาจเป็นไปได้ เพราะอาจท�าให้เกิดการชะงักงันในกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ
        ที่ต้องอาศัยพระราชอ�านาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งบทบัญญัติมาตรา 17 ก็ได้

        สร้างทางออกในกรณีเช่นนี้เอาไว้โดยในกรณีที่คณะองคมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
        มีความจ�าเป็นที่จะแต่งตั้งผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ และไม่อาจกราบบังคมทูลให้

        พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ได้ทันการ คณะองค์มนตรี
        จะต้องเสนอเชื่อบุคคลตามล�าดับที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯ ก�าหนดไว้ก่อนล่วงหน้า

        ขึ้นเป็นผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วแจ้งประธานรัฐสภาเพื่อประกาศใน
        พระปรมาภิไธยต่อไป และหากพระมหากษัตริย์ไม่ได้ทรงก�าหนดบุคคลที่จะเป็น

        ผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์เอาไว้อีก ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ส�าเร็จราชการ
        แทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน ดังนั้นจะเห็นว่าไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไร

        ประเทศไทยก็จะมีผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์เสมอจากหนึ่งในสามกรณีต่อไปนี้ คือ
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84