Page 172 - kpiebook65022
P. 172

Sustaining Power after Oil: Environmental Politics and Legitimacy in Qatar, Saudi Arabia and
               Kuwait (Zumbraegel, 2021) ศึกษาความชอบธรรมในกระบวนการนโยบายน้ ามันและพลังงานในกลุ่ม

               ประเทศอาหรับ ได้แก่ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และคูเวต

                              ส าหรับงานวิจัยประเด็นพลังงานในเชิงบทบาทภาคส่วนต่าง ๆ ได้แก่ Protests Against
               Energy Projects in Turkey: Environmental Activism Above Politics? (Knudsen, 2015) ที่ท าการวิเคราะห์ุ
               การเคลื่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมกรณีพลังงานในตุรกี งานวิจัย Protests Against Energy Projects in Turkey:
               Environmental Activism Above Politics? (Knudsen, 2016) ที่ศึกษาเกี่ยวกับการประท้วงหรือการ

               ต่อต้านเกี่ยวกับโครงการด้านพลังงาน โดยการเคลื่อนไหวหรือการแสดงออกของภาคประชาสังคม และ
               ประชาชนที่เห็นด้วยหรือสนับสนุนการต่อต้านโครงการด้านพลังงานในประเทศตุรกี งานวิจัย An
               Environmental Unconscious? Nigerian Oil Politics, Autonomous Partial Objects, and Ken Saro -
               Wiwa's Sozaboy (Nicholls, 2017) ที่ศึกษาเกี่ยวกับองค์กรสิ่งแวดล้อมในประเด็นของการบริหารจัดการ

               น้ ามันของประเทศไนจีเรีย หรืองานวิจัย Half-Length and the FACT Framework: Distance Decay and
               Citizen Opposition to Energy Facilities (Nelson et al., 2021) ที่ศึกษาเพื่อพัฒนาปัจจัยที่พลเมืองอเมริุกา
               ต่อต้านการก่อสร้างด้านพลังงานและพัฒนาเป็นตัวชี้วัด

                              2) ข้อค้นพบงานวิจัยประเด็นพลังงาน ได้แก่ ข้อค้นพบประเด็นพลังงานในเชิงโครงสร้างและ
               นโยบาย และข้อค้นพบเกี่ยวกับบทบาทภาคส่วนต่าง ๆ โดยข้อค้นพบเกี่ยวกับประเด็นพลังงานในเชิงโครงสร้าง

               และนโยบาย จากงานวิจัยที่ส ารวจได้ท าให้เห็นว่ายังมีความไม่ลงรอยกันของภาคส่วนในเชิงโครงสร้างของ
               สังคมอันกระทบต่อการด าเนินนโยบาย ดังพบว่า มีความยุ่งยากของความขัดแย้งกรณีโครงการไฟฟ้าพลังงาน
               น้ าที่แม่น้ านูในประเทศจีน และยังช่วยอธิบายการเปลี่ยนแปลงนโยบายในรอบศตวรรษที่ผ่านมาได้ว่า

               รัฐทั้งหลายและกลุ่มที่ไม่ใช่รัฐได้เข้าร่วมในประเด็นสิ่งแวดล้อมโดยไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับความเชื่อทาง
               นโยบายเกี่ยวกับโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองกลุ่มเป็นแบบมียุทธศาสตร์แต่ไม่ใช่การ
               เรียนรู้ทางนโยบาย ทั้งยังถูกแทรกแซงด้วยหน่วยงานด้านปกป้องสิ่งแวดล้อมของรัฐ (SEPA) ซึ่งเป็นผลต่อการ
               เปลี่ยนสถานะของนโยบาย (Han et al., 2014) ซึ่งอาจมีเงื่อนไขที่ท าให้เกิดอุปสรรคนั้น ดังที่พบว่า ความท้าทาย
               ที่พบว่า เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยทางพลังงานและชนกลุ่มน้อยจากการศึกษาของ Ramirez คือการขาด

               ธรรมาภิบาล อันได้แก่ การคอร์รัปชัน ขาดการตรวจสอบ การเข้าถึงทรัพยากรที่มีอย่างจ ากัด (Ramirez,
               2020)

                              ซึ่งข้อค้นพบของ Ramirez นั้น สะท้อนให้เห็นว่าการท านโยบายพลังงานของรัฐบาลบางครั้ง
               ขัดต่อหลักการที่เรียกว่า บริหารปกครองที่ดีหรือธรรมาภิบาล ดังพบว่า กระบวนการนโยบายน้ ามันและ

               พลังงานในกลุ่มประเทศอาหรับ ได้แก่ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และคูเวต พบว่า ทุกกรณีที่ศึกษาแสดงให้เห็นว่า
               แรงจูงใจทางการเมืองในการท านโยบายพลังงานมีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาลน้อยมาก
               ผู้น าใช้ประเด็นความยั่งยืนในการเพิ่มความนิยมของตน แต่มีความต่างอยู่บ้างในแต่ละกรณี เช่น คูเวตเน้นการ
               ตรวจสอบได้ในกระบวนการน าเข้า ซาอุดิอาระเบียเน้นการจัดการบริการสาธารณะ ส่วนกาตาร์เน้นการส่งมอบ

               ผลการด าเนินงานด้านความยั่งยืน (Zumbraegel, 2021)

                              ข้อค้นพบเกี่ยวกับประเด็นพลังงานในเชิงบทบาทภาคส่วนต่าง ๆ ท าให้พบว่า บทบาทและ
               อ านาจของกลุ่มองค์กรเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมอาจมีค่อนข้างจ ากัดในการเคลื่อนไหวประเด็นพลังงาน
               ยกตัวอย่างเช่นที่พบว่า นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในตุรกีตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซึ่งท าให้
               พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดนหรือทรยศต่อปิตุภูมิ



                                                           159
   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177